ใครคือ เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์? คำถามนี้จะคลายไปทันที หากคุณได้ทราบว่า เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL Foods) คือบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังความอิ่มอร่อยของผู้คนทั่วประเทศมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นผู้ผลิตแซนวิชอบร้อนอันดับหนึ่งให้กับร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ทั่วประเทศกว่า 12,000 สาขา ในหมวดเบเกอรี่มากกว่า 40 รายการ ด้วยกำลังการผลิต 1,250,000 ชิ้นต่อวัน! ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ในหมวดอาหารอีกมากมายภายใต้แบรนด์อย่าง “Natural Bites”, “ChiLee”, “Pangtai” รวมทั้งการนำเข้าอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งเพื่อร้านอาหาร โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ …การเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมเช่นนี้ ทำให้วันนี้ “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) พร้อมแล้วสำหรับย่างก้าวใหม่ที่สมค่ากับการจับตามอง
“เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” ที่เติบโตจากคนเบื้องหลัง
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเป็นบริษัทผู้ผลิตแซนวิชอบร้อนอันดับหนึ่งในหมวดเบเกอรี่มากกว่า 40 รายการ ให้กับร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ทั่วประเทศกว่า 12,000 สาขา แต่ “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) หรือ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ก็มีย่างก้าวที่มั่นคง นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2546 ในนาม “Dough Maker” (DM) ซึ่งผลิตสินค้าประเภทอาหารหลากหลายชนิดตามความต้องการของลูกค้า กระทั่งก่อตั้ง “NSL Foods” ขึ้นในปี 2549 พร้อมทั้งขยายฐานการผลิตไปจนถึงพัฒนาแบรนด์สินค้าใหม่ๆ ภายใต้ชื่อ “NSL Foods” อีกมากมาย อาทิ “Natural Bites” ขนมเพื่อสุขภาพที่มีทั้งโปรตีนสูงและไฟเบอร์สูง ซึ่งได้รับความนิยมสูงในผู้ที่มองหาทางเลือกใหม่ๆ “ChiLee” ขนมพริกกรอบแปลกใหม่ ที่พ่วงนวัตกรรมเปลี่ยนพริกเป็นขนมได้ และ “Pangtai” หรือ ปังไท พายแท่งและขนมปังกรอบ รวมถึงขนมปังเนื้อนุ่มและขนมปังโฮลวีท ภายใต้แบรนด์ “Bakery Arigato” ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นในปี 2563 โดยจำหน่ายในท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตและแฟมิลี่มาร์ท นอกจากนี้การที่บริษัทฯ ซื้อกิจการบริษัท ควอลิตี้ฟู้ด สเปเชียลตี้ จำกัด (QFS) เพื่อขยายเข้าสู่ธุรกิจจำหน่ายปลา อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักแช่แข็งและแปรรูป (Food Services) โดยมีช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับร้านอาหาร โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา ก็เปิดโอกาสใหม่ๆ ในเชิงธุรกิจที่น่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย
คุณสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจของ “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) ว่าเริ่มต้นมาจากแนวคิด “The Happy Taste Creator” ซึ่งหมายความรวมถึงความสุขในฐานะผู้ผลิตที่จะส่งตรงความสุขนั้นไปถึงผู้บริโภคในรูปแบบของความอิ่มอร่อย โดยย่างก้าวต่างๆ ที่ผ่านมาได้นำไปสู่การขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย รวมถึงความพร้อมการขับเคลื่อนองค์กรผ่านกลยุทธ์ “Nutrition Sustainable for Life” นั่นคือ การผลิตอาหารที่มีคุณค่าสูงอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ก้าวหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค
คุณสมชายยังได้เปิดเผยด้วยว่า ก้าวที่มั่นคงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2564 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ได้แต่งตั้งให้บริษัทที่ปรึกษา เอเชียพลัส จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน
“Nutrition Sustainable for Life” กลยุทธ์เพื่อความก้าวหน้า และยั่งยืน
ปัจจุบัน บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกันกับศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) โดยโรงงานยังตั้งอยู่ทั้งที่บางบัวทอง 1 โรงงาน และที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี 2 โรงงาน รวมถึงมีคลังสินค้า 1 แห่ง บริเวณโรงงานบางบัวทอง เพื่อรองรับธุรกิจฟู้ด เซอร์วิส ซึ่งการเดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในไตรมาส 2/2564 นี้ก็เพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจอาหารกึ่งสำเร็จรูป ระดมทุนสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 350 ล้านบาท ณ นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้ในระยะเวลา 5 ปี ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) ก็พร้อมแล้วที่จะชูจุดเด่นขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ ผ่านกลยุทธ์ “Nutrition Sustainable for Life” มุ่งสู่การเป็นผู้นำพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารที่ยั่งยืน โดยที่ผ่านมามีการวิจัยและพัฒนาเรื่องหนึ่งที่ได้รับความสนใจและจับตามองอย่างมาก อย่างเรื่องโปรตีนแห่งอนาคตจากจิ้งหรีด เป็นต้น
คุณสมชาย ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการ ยังเปิดเผยว่า “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) ได้เตรียมความพร้อมในการเข้าตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจากธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 บริษัทฯ ได้มีการเข้าซื้อกิจการฟู้ด เซอร์วิส เนื่องจากเล็งเห็นถึงช่องทางการเติบโตที่จะช่วยให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง และแม้ในช่วงปี 2563 จะอยู่ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถปรับตัวกับผลกระทบ และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยในอนาคตได้คาดการณ์เอาไว้ว่า เมื่อความต้องการของตลาดมีความชัดเจนภายในปี 2564 พร้อมกับที่โรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จในปี 2566 ก็จะเน้นการผลิต 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ 1.อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน เช่น ซุป อาหารแช่แข็ง และซอสต่างๆ 2.อาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่เย็น เช่น แกงและกับข้าว และ 3.อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น โจ๊กคัพ และซุป เป็นต้น
“สำหรับรายงานผลประกอบการปี 2563 บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวม 2,927.6 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากส่วนของกลุ่มธุรกิจเบเกอรี่และรองท้อง มีมูลค่า 2,759.5 ล้านบาท รองลงมาคือ ฟู้ด เซอร์วิสมีมูลค่า 132.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่บริษัทฯ ซื้อกิจการเข้ามากลางปี 2562 และในปี 2563 ได้เริ่มรับรู้การเติบโตของรายได้ แม้รายได้จะลงลดไป 13 เปอร์เซ็นต์ จากผลกระทบในช่วงวิกฤตโควิด-19 แต่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 5.2 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2562 ที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.6% คาดว่าอัตรากำไรที่สูงขึ้นนี้เป็นเพราะการบริหารต้นทุน และบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น และในปี 2564 “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) ตั้งเป้ารายได้รวมเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท และมีเป้าหมายการเติบโตประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ โดยเน้นกลยุทธ์ “Nutrition Sustainable for Life” เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าเติบโตด้านรายได้ภายในระยะเวลา 5 ปี (2564-2568) ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท”
สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตสำหรับ “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” (NSL Foods) ภายในปี 2566 คือ การเกิดขึ้นของอาคารโรงงานแห่งใหม่ ที่จะตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โรงงานเดิมภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี พร้อมเครื่องจักรมูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท ที่มีกำลังการผลิตรองรับรายได้สูงสุด 1,200 ล้านบาทต่อปี อันเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะพาองค์กรเดินไปสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารที่มั่นคงขึ้นอีกขั้น ซึ่งจะเดินหน้าไปพร้อมการเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารที่ยั่งยืน (Nutrition Sustainable for Life) สมความตั้งใจ
สำหรับอนาคตอันใกล้คือการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จครั้งใหม่นี้ โดยเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น ซึ่งราคาขายจะประกาศให้ทราบทั่วกันในวันที่ลงนามแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) ประมาณสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2564 นี้