ความสำเร็จของการศึกษาคืออะไร? คำตอบต่อคำถามนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำว่า “ความสำเร็จ” สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายแง่มุม แต่หากความสำเร็จที่ว่านั้นหมายถึงความสุขของผู้เรียน กับการได้ค้นพบแนวทางของชีวิตที่ใช่ในวัยที่เหมาะสม การมีระบบการเรียนการสอนที่สอดรับกับสิ่งนี้คือเรื่องจำเป็น นั่นเป็นเหตุผลเดียวกับที่ “โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์” เลือกดำเนินการเรียนการสอนในสไตล์ฟินแลนด์ โดยมีรูปแบบการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนที่ช่วยส่งเสริมผู้เรียนให้สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรมที่เรียกว่า “Active Learning” …ทำไมต้องเป็น โรงเรียนไทยสไตล์ฟินแลนด์? แล้ว Active Learning ตอบโจทย์ชีวิตเด็กยุคใหม่ได้อย่างไร? …คำตอบอยู่ตรงนี้
การศึกษาที่ดีเริ่มต้นจากการเข้าใจผู้เรียน

ถ้าหากสืบค้นข้อมูลในโลกออนไลน์เพื่อหา “ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก” หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ “ประเทศฟินแลนด์” ปรากฏอยู่ ฟินแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศแห่งการศึกษา ด้วยเหตุผลหนึ่งคือ ระบบการศึกษาของฟินแลนด์มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับผู้เรียนเป็นหลัก นั่นจึงทำให้รูปแบบการเรียนการสอนของโรงเรียนในฟินแลนด์เอื้อต่อการเรียนรู้ มากกว่าจะเป็นการใส่ข้อมูลให้กับนักเรียนเหมือนการเรียนแบบท่องจำที่ยุคหลังได้พบว่า สกัดกั้นการคิดและการค้นพบตัวเองของนักเรียน โดยมี “Active Learning” อันเป็นนิยามการเรียนรู้บทเรียนต่างๆ ผ่านการลงมือทำ หรือปฏิบัติการ เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งในฟินแลนด์ถูกพิสูจน์แล้วว่า มอบโอกาสการเรียนรู้และเข้าใจตัวเองให้กับนักเรียนได้อย่างมาก และเหนืออื่นใด คือความสุขในการเรียน
“โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์” ก่อตั้งขึ้นด้วยความมุ่งหวังจะนำรูปแบบการศึกษาตามแนวทางการศึกษาของฟินแลนด์ เข้ามาผสมผสานกับความเป็นโรงเรียนไทย โดยอาศัยความโดดเด่นจากรูปแบบเหล่านั้นมาผสานกับอัตลักษณ์ไทยส่วนหนึ่ง เพื่อสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถจากการได้ค้นพบตัวตนของตัวเองจากการเรียน ไปจนถึงพบความสุขจากการเล่าเรียน คุณประวิตย์ ศรีหนองหว้า รองผู้อำนวยการ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เล่าว่าเจตนารมณ์หนึ่งของการก่อตั้งโรงเรียน คือการมอบการศึกษาที่ทำให้เด็กๆ ได้เรียนในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง พร้อมกับได้รับการปลูกฝังทักษะชีวิตที่จำเป็น ทั้งการจัดการ การสื่อสาร และคุณธรรม ไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญอย่างมากในโลกอนาคต ในขณะเดียวกันยังปรารถนาจะวางตัวเป็นโรงเรียนที่สามารถส่งต่อองค์ความรู้จากรูปแบบที่มีคุณค่าเหล่านี้ ต่อไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในสังคมไทยได้ด้วย

“โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดและการจัดการใน 2 ประการสำคัญ นั่นคือ การวางตัวเป็นโรงเรียนแห่งความสุข (Happiness School) ผสานกับรูปแบบการเรียนการสอนผ่านการลงมือปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้ (Active Learning) โดยได้รับความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับสถานทูตฟินแลนด์ มาตั้งแต่ปี 2559 พร้อมกับส่งวิทยากรจากหลากหลายสถาบันชั้นนำจากฟินแลนด์มาช่วยฝึกอบรมครูและบุคลากรของเรา เพื่อให้เข้าใจแนวคิดเรื่องการสร้างโรงเรียนแห่งความสุขผ่านการเรียนการสอนในแบบลงมือปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ของเราคือโรงเรียนไทย ใช้หลักสูตรสามัญตามกระทรวงศึกษาธิการ แต่ด้วยแนวคิดและรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนามาจากหนึ่งในประเทศที่มีวิธีการเรียนการสอนที่ดีที่สุดในโลก ก็ทำให้วันนี้การเรียนการสอนในรูปแบบนี้ สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม”
“Happiness School” + “Active Learning” หัวใจสำคัญเพื่อผู้เรียน

หากเลือกได้ ผู้ปกครองแทบทุกคนล้วนปรารถนาให้บุตรหลานของตัวเองได้เรียนในโรงเรียนที่ทำให้พวกเขามีความสุข ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นโรงเรียนที่มีระบบและบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้เด็กๆ ได้ค้นพบตัวตนของตัวเอง ก่อนที่จะไปต่อในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ความสุขของผู้เรียนและวิธีการมอบองค์ความรู้จึงมีความสำคัญ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งให้ “โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์” วางตัวเป็นโรงเรียนแห่งความสุข หรือ Happiness School ด้วยองค์ประกอบหลัก ตั้งแต่สิ่งที่มองเห็นในเชิงรูปธรรมอย่างสภาพแวดล้อมของโรงเรียน สิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนและใช้ชีวิตในโรงเรียน ไปจนถึงความรู้สึกปลอดภัยและเป็นสุข ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญมากกับที่รูปแบบการเรียนการสอน หรือวิธีการมอบองค์ความรู้แก่นักเรียน เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อทั้งความสนใจ ความเข้าใจ และความสุขในการเรียน โดยรูปแบบการเรียนการสอนที่โรงเรียนดำเนินแนวทางมาอย่างต่อเนื่องเรียกว่า “Active Learning” หรือการเรียนการสอนผ่านการลงมือปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้
รองผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เล่าว่า “Active Learning” เป็นรูปแบบที่เปิดโอกาสให้ครูผู้สอนในรายวิชาต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์ที่แตกต่างในการเรียนให้กับนักเรียนอย่างน่าสนใจ การที่นักเรียนทุกคนในห้องเรียนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการลงปฏิบัติ ส่งผลดีต่อความเข้าใจในบทเรียนและการจดจำ มากกว่าการเรียนรู้แบบท่องจำ ขณะเดียวกัน “Active Learning” ก็เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่ “จะไม่ทิ้งใครอยู่ข้างหลัง” นักเรียนทุกคนมีโอกาส และความเสมอภาคในการทำความเข้าใจบทเรียนที่เท่าเทียมกัน โดยมีครูผู้สอนอยู่เคียงข้างอย่างเข้าใจธรรมชาติของการเรียนรู้ ประกอบกับการที่โรงเรียนมีระบบแนะแนวที่เน้นการดูแลให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล ซึ่งครบในทุกมิติ ก็ช่วยในการวัดผลความเข้าใจการเรียนได้ในอีกระดับ พร้อมกับที่ยังมีส่วนสำคัญในการช่วย “แนะแนว” ให้นักเรียนแต่ละคนได้ค้นพบความโดดเด่นของตัวเอง ก่อนจะก้าวไปสู่ระดับการศึกษาที่สูงขึ้น รวมถึงออกไปสู่โลกของอาชีพที่กว้างขึ้น ซึ่งนั่นเป็นความน่าสนใจอย่างมากของการเรียนการสอนในรูปแบบ “Active Learning”

ทำไม Active Learning เป็นคำตอบของการสร้างคนแห่งศตวรรษที่ 21
ปัจจุบัน “โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์” เปิดรับสมัครนักเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในหลักสูตรมัธยมศึกษามาตรฐานกระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษใน 3 รายวิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ พร้อมมีการวัดมาตรฐานการศึกษาเพิ่มเติมจากระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยการสอบ Cambridge Exam เพื่อวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ รวมถึงจัดให้มีการเรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 3 จากครูผู้มีความรู้ความสามารถเจ้าของภาษาโดยตรง โดยมีการวัดระดับความรู้ผ่านการสอบ HSK อีกด้วย
สำหรับการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสูตรของโรงเรียนได้แยกเป็นแผนวิทย์-คณิต และแผนศิลป์ ตามความสนใจ ความถนัด และเป้าหมายการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในอนาคตของนักเรียนแต่ละคน แม้จะไม่แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป แต่หากพิจารณาลึกลงไปในรายละเอียดจะพบความน่าสนใจที่เรียกได้ว่า คือหนึ่งในแนวทางที่ช่วยเกลาให้นักเรียนแต่ละคนได้ “รู้จักตัวเอง” และ “ค้นพบตัวเอง” ง่ายขึ้น อย่างแผนวิทย์-คณิต ที่มีรายละเอียดแยกย่อยออกเป็นการเรียนเข้มข้นในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ สำหรับนักเรียนที่มีเป้าหมายเป็นศึกษาต่อในสายแพทย์และวิทยาศาสตร์วิศวะ-สถาปัตย์ กับการเรียนในสายวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ โดยมีครูผู้สอนที่มีความรู้เฉพาะทางเป็นผู้ให้การศึกษา ขณะเดียวกันก็มีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ เป็นที่ปรึกษาและร่วมพัฒนาหลักสูตร


ส่วนการเรียนในแผนศิลป์ก็มีความเข้มข้นและน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยหลักสูตรของโรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ได้แยกย่อยออกเป็น คณิต-อังกฤษ และศิลป์ภาษา-ดิจิทัลมีเดีย โดยแยกออกเป็น 2 โปรแกรม คือ อังกฤษ และ จีน โดยจัดการเรียนการสอนที่ลงลึกเข้มข้นทางด้านภาษา พร้อมวิชาน่าสนใจเท่าทันยุคอย่างกลุ่มวิชามัลติมีเดีย แต่ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนในแผนใด ก็จะได้เรียนในวิชาเลือกเสรี ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่มีบทบาทไม่น้อยที่ช่วยให้นักเรียนได้ค้นพบความชอบของตัวเอง ไปพร้อมกับมอบความผ่อนคลายจากการเรียนวิชาการอันเข้มข้น โดยหลักสูตรทั้งหมดยังได้ออกแบบมาให้เอื้อต่อการศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติในอนาคต ไม่ว่านักเรียนจะตัดสินใจเลือกเดินทางไหน ต่อไปในอนาคตก็ตาม
ทั้งนี้หัวใจของการเรียนการสอนในทุกระดับชั้นยังคงเป็นการเรียนแบบ “Active Learning” ที่เน้นการลงมือปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจในบทเรียน ซึ่งการเรียนการสอนในแนวทางนี้เปิดโอกาสให้ครูผู้สอนได้สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการสร้างการเรียนรู้และเสริมความเข้าใจที่มากขึ้นได้ โดยมีทั้งสื่อการเรียนการสอน และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยเสริมการเรียน พร้อมกันนั้นยังสร้างบรรยากาศในการเรียนที่เอื้อให้นักเรียนรู้สึกได้ถึงช่วงเวลาคุ้มค่าในการเรียน ต่างจากการเรียนการสอนในรูปแบบเดิมที่ครูผู้สอนมีหน้าที่บรรยาย นักเรียนมีหน้าที่เพียงฟัง รับมอบหมายการบ้าน ก่อนจะกลับมาสอบวัดผล นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไม “Active Learning” จึงสร้างความเข้าใจ และทำให้นักเรียนรักการเรียนของพวกเขา โดยที่ผู้ใหญ่ไม่ต้องร้องขอ

อาจารย์ณัฐวุฒิ สกุณี อาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ และเป็น 1 ใน 10 ครูผู้สร้างของคุรุสภา ในงานวันครู ครั้งที่ 65 ประจำปี 2564 ซึ่งดำเนินการสอนในแนวทาง Active Learning ในวิชาคณิตศาสตร์มาอย่างต่อเนื่องเล่าว่า Active Learning หรือการเรียนการสอนโดยสร้างกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อลงมือปฏิบัติให้เกิดความเข้าใจ แม้จะไม่ใช่รูปแบบที่ง่ายสำหรับครูผู้สอน เนื่องจากต้องอาศัยเวลาในการเตรียมการสอน ความคิดสร้างสรรค์ และพลังในการสอนที่เปี่ยมล้น แต่หากเอ่ยถึงความคุ้มค่าสำหรับผู้เรียนแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสร้างความเข้าใจที่แท้จริงในบทเรียนให้เกิดขึ้นได้ เหนืออื่นใด การทำให้นักเรียนรู้สึกสนุก รักในช่วงเวลาที่เรียน และได้ค้นพบศักยภาพของตัวเองในที่สุด คือเป้าหมายสูงสุดของการเรียนการสอน


“วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เข้าใจยาก เหตุผลหนึ่งที่เด็กไม่อยากเรียน หรือเรียนคณิตศาสตร์แล้วไม่รู้เรื่อง ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเรียนคณิตศาสตร์ไปทำไม ไม่เห็นภาพของการนำไปใช้ในอนาคต หน้าที่ของครูต้องขจัดช่องว่างนี้ออกไปให้ได้ ซึ่งรูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning หรือการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม ได้เข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ เนื่องจาก Active Learning เป็นการคิดจากการลงมือทำ นักเรียนมีหน้าที่ทำเพื่อต่อยอดไปสู่ความเข้าใจ โดยครูผู้สอนทำหน้าที่เป็นเพียงผู้นำทาง ช่วยชี้แนวทางผ่านคำถาม ส่วนวิธีคิดและค้นหาคำตอบคือหน้าที่ของนักเรียน ผมพบว่าการตั้งคำถามของครูเองก็เป็นการกระตุ้นให้เด็กรู้จักค้นหาคำตอบผ่านการคิดและการวิเคราะห์มากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ความน่าสนใจของการเรียนผ่านรูปแบบ Active Learning คือ ความคงทนของความรู้ การเรียนด้วยลงมือปฏิบัติสร้างความเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน บทเรียนเหล่านั้นก็จะยังถูกจดจำได้เสมอ”
แม้วันนี้ “Active Learning” จะยังเป็นคำที่ยังใหม่อยู่บ้างสำหรับผู้ปกครองหลายกลุ่ม แต่ในวันที่เราตระหนักมากขึ้นว่า การเรียนการสอนในรูปแบบเดิมๆ ที่มีครูผู้สอนเป็นศูนย์กลาง กับการเรียนแบบท่องจำนั้น ปิดกั้นโอกาสในการเรียนรู้และศักยภาพที่แฝงอยู่ภายในของนักเรียน “Active Learning” ก็เป็นคำตอบและความมุ่งมั่นใหม่ในการสร้างบทเรียนที่มีคุณภาพและคุณค่าสำหรับผู้เรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่เรา ผู้ที่เดินทางมาก่อนหน้าควรเตรียมเยาวชนของโลกให้ก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องมีมากกว่าแค่ความสามารถทางด้านวิชาการ แต่เป็นทักษะด้านการคิด วิเคราะห์ รวมถึงสร้างสรรค์นวัตกรรมหนึ่งใด ผ่านตัวตนที่พวกเขาได้ค้นพบจากตัวเอง ซึ่งโลกวันหน้ากำลังปรารถนาสิ่งเหล่านี้
ในวันที่โลกรุดหน้าไปในแทบทุกแง่มุม ตั้งแต่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปจนถึงชีวิตรอบด้านที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การมอบการศึกษาในวันนี้ นอกจากความสามารถวิชาการแล้ว ยังต้องมีเป้าหมายในการค้นพบศักยภาพบางอย่างในตัวเองที่พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกมากมายเพียงใดในอนาคตด้วย เหตุนี้รูปแบบการศึกษาที่เท่าทัน หรือก้าวล้ำยุค ก็เป็นหนึ่งคำตอบของการพร้อมรับมือ และวันนี้ “โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์” ก็น่าจะเป็นคำตอบหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน
