คิกออฟ ขับ 120 กม./ชม. ถนนสายเอเชีย "ช่วงทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง" ระยะทาง 50 กม. ภายในเดือนนี้ เร่งติดตั้งป้าย-ตีเส้นจราจร "ศักดิ์สยาม" เตรียมถก สตช. กำหนดบทลงโทษ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าการผลักดันนโยบายปรับเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนถนนทางหลวงให้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรในปัจจุบัน และความปลอดภัยในทุกการเดินทางของประชาชน ว่า ตนได้ลงนามในกฎกระทรวงเพื่อกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564 ซึ่งได้มีการประกาศผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว
ขั้นตอนต่อไป กรมทางหลวง (ทล.) จะเป็นผู้ออกประกาศผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน เพื่อกำหนดรายละเอียดสายทางที่จะบังคับใช้ความเร็วสูงสุดใหม่ต่อไป และวันที่จะเริ่มใช้ โดยคาดว่าจะนำร่องเส้นทางแรก คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงบริเวณหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง กม.ที่ 4+100-50+000 ระยะทางประมาณ 50 กม. ภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ และจะทยอยประกาศเพิ่มในอนาคต
พร้อมกันนี้ ได้เตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษา หรือสถาบันการศึกษา เพื่อประเมินผลการดำเนินการดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องการดำเนินนโยบายดังกล่าวให้แล้วเสร็จครบทั้งหมดภายในปี 64
ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำรวจเส้นทางถนนของแขวงทางหลวง และแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศกว่า 12,000 กม. ที่มี 4 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนน และไม่มีจุดกลับรถ หรือจุดตัดเสมอเส้นทางว่า มีเส้นทางใด และช่วงไหนบ้าง ที่มีความเหมาะสมสามารถประกาศให้ใช้ตามกฎกระทรวงฯ ได้ และให้สรุปส่งข้อมูลมาให้กระทรวงภายในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
รวมถึงในการประชุมดังกล่าวจะมีการพิจารณาร่วมกับ สตช. กำหนดบทลงโทษตามกฎหมาย ประกอบกับการออกประกาศ ขบ. ในความผิดไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร สามารถมีผลต่อการต่อใบอนุญาตด้วย
...
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ทางหลวงและทางหลวงชนบทจะเสนอเส้นทางเพิ่มเติมทั่วประเทศที่จะให้รถสามารถวิ่งทำความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. บนถนน 4 ช่องจราจรขึ้นไป กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และในวันจันทร์ที่ 15 มี.ค. จะสรุปว่ามีเส้นทางไหนบ้างที่สามารถดำเนินการได้เพิ่ม
เบื้องต้นในปี 64 นอกจากนำร่องที่เส้นทางทางหลวงหมายเลข 32 (อยุธยา-อ่างทอง) ระยะทาง 50 กม.แล้ว ในระยะที่ 2 จะเริ่มที่ทางหลวงหมายเลข 32 (อยุธยา-อ่างทอง) ระยะทาง กม.50-113, ส่วนระยะที่ 3 จะเริ่มในปี 65 ที่ทางหลวงหมายเลข 32 (ชัยนาท-นครสวรรค์) ระหว่าง กม.115-150 และทางหลวงหมายเลข 35 (สมุทรสงคราม-ปากท่อ) ระหว่าง กม.ที่ 60-82
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปทางหลวงจะเร่งสรุปเส้นทางหลวงที่จะให้วิ่งไม่เกิน 120 กม./ชม. เพิ่มเพื่อให้ในปี 64 มีเส้นทางเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ทล.จะเร่งทำป้ายบอกความเร็ว ป้ายอัจฉริยะอัตโนมัติ รวมถึงการทำเครื่องหมายบนผิวทางถนนหลวง เพื่อให้ทราบว่าเลนดังกล่าวเข้าและออก สามารถวิ่งทำความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม./ชม.ได้
นอกจากนั้นจะเร่งสำรวจจุดเพื่อสร้างสะพานลอยคนข้าม และมอเตอร์ไซค์ข้าม ในเส้นทางดังกล่าวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัย.