ผมคุ้นเคยรู้จักและได้ยินคำว่า “กัญชา” มาร่วมๆ 70 ปีเข้านี่แล้ว ตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ป.2 อยู่ที่อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

ยุคนั้นสมัยนั้น แม้กัญชาจะเป็นของต้องห้าม แต่ก็ยังมีคนลักลอบปลูกอยู่บ้าง และก็มีการแอบสูบ แอบขายกันบ้างประปราย

พรีเซนเตอร์ประจำอำเภอที่ทำให้เด็กๆอย่างผมรู้จักคำว่า “กัญชา” ก็คือ “นายเชื้อบ้า” หรือที่ผู้ใหญ่แถวๆบ้านผมเรียกกันว่า “ไอ้เชื้อบ้า”... เพราะแกชื่อ “เชื้อ” และติดกัญชาจนมีอาการ บ้ากัญชา

แกอาศัยนอนอยู่ที่วัดประจำอำเภอ คอยปรนนิบัติรับใช้พระต่างๆในวัด...และเป็นคนที่มี 2 อารมณ์ใน 1 วันอยู่เสมอ

คืออารมณ์ดี ร้องลิเกเพลงฉ่อย สนุกสนานรื่นเริงในช่วงเวลาที่ได้ดูดกัญชาไปแล้วสัก 2-3 บ้อง แต่ก็จะมีอารมณ์ร้ายอาละวาดด่าทอโน่นนี่หูตาขวางไปหมดเวลาไม่มีกัญชาดูด

จากกรณีเดี๋ยวดีเดี๋ยวคลุ้มคลั่งของ “นายเชื้อบ้า” หรือ “ไอ้เชื้อบ้า” นี่เอง ทำให้คำว่า “กัญชา” ในความรู้สึกของเด็กๆอย่างพวกเราเป็นของแสลง...และมองว่าเป็นพืชที่อาจทำให้คนดีๆเป็นคนบ้าขึ้นมาได้

พอผมโตขึ้นมาหน่อยก็มีเพลงฮิตที่รถขายยานำมาเปิดกระหึ่มก่อนฉายหนังให้พวกเราดูในยุคโน้นอยู่เพลงหนึ่ง...ไม่ว่าบริษัทไหนก็เปิดเพลงนี้ จนชาวบ้านและเด็กๆอย่างเราพลอยร้องได้ไปด้วย

ชื่อเพลง “คนบ้ากัญชา” ขับร้องโดย คำรณ สัมบุญณานนท์ พระเอกภาพยนตร์ไทยและนักร้องลูกทุ่งคนดังก่อน พ.ศ.2500 มีเนื้อร้องท่อนเริ่มต้นว่า

“ฉันบ้ากัญชาจนหูตาลาย เห็นหมูโตเท่าควาย โอ้เดือนหงายเห็นเป็นเดือนควํ่า...อกเอ๋ยพลาดเลยไปเสียข้างตํ่า สูบกัญชาหน้ายิ่งดำ ระกำชอกชํ้าวิญญา”

...

ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเพลงแปลกๆมีอารมณ์ขันอยู่ ท่อนต่อมาแม้จะดุดันถึงขั้นจะควงดาบไปฆ่าฟันเมียรักที่ทรยศ แต่เวลาร้องผู้ร้อง คำรณ จะถือดาบโงนเงนแบบคนเมากัญชา จึงเรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากคนฟังมากกว่าจะหวั่นกลัวความดุดันของคนถือดาบ

หลังจากนั้นผมเริ่มอ่านหนังสือออก ก็มาอ่านหนังสือชุด พล นิกร กิมหงวน ของ ป.อินทรปาลิต พบว่า “เจ้าแห้ว” คนขับรถของ 3 เกลอ ก็ชอบสูบกัญชาเช่นกัน

ทุกครั้งที่สูบกัญชาเจ้าแห้วจะอารมณ์ดีมากร้องเพลงฉ่อยตลกๆ และแสดงอาการตลกต่างๆ อ่านแล้วก็พลอยหัวเราะก๊ากไปด้วย

ต่อมาอีก อาไวพจน์ เพชรสุพรรณ อัดแผ่นเสียงเพลงฮิตชื่อ “บ้องกัญชา” มีเนื้อร้องว่า “ลาเอ๋ยลา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา”

เป็นเพลงขำๆบรรยายถึงบ้องกัญชาและการสูบกัญชาของชาวบ้าน... สูบกัญชาแล้วก็ลุกขึ้นรำวงกันทั้งหมู่บ้านจนถูกตำรวจจับ แต่ก็ยังหัวเราะ

ซึ่งในเพลงเดียวกันนี้ “กาเหว่าเสียงทอง” นำมาอัดแผ่นซํ้าโด่งดังและเป็นที่รู้จักมากกว่าไวพจน์เสียอีก

ช่วงนี้ผมโตพอสมควรแล้ว และเริ่มรู้จักกัญชามากขึ้น ฟังแล้วก็พลอยยิ้มพลอยหัวเราะไปด้วย กับเพลงของไวพจน์ และกาเหว่าเสียงทอง

กล่าวโดยสรุป “กัญชา” ที่ผมรู้จักและผ่านมาในชีวิตผมไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “นายเชื้อบ้า” “คนบ้ากัญชา” “เจ้าแห้ว” มาจนถึงเพลง “บ้องกัญชา” มักมีภาพลักษณ์ในเชิงลบ

อาจไม่ถึงขั้นเป็น “ผู้ร้าย” แต่ก็ไม่ใช่ “พระเอก” อย่างเก่งก็เป็นแค่ “ตัวตลก” เรียกเสียงเฮฮาเท่านั้นเอง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่าง 5-7 มีนาคม มีการจัดงาน “มหกรรมกัญชากัญชง 360 องศา” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีรองนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ไปเป็นประธาน ผู้คนแห่แหนไปร่วมงานเนืองแน่นหลายหมื่นคน เงินสะพัดหลายสิบล้านบาท

ส่งผลให้ “กัญชา” เปลี่ยนภาพลักษณ์จาก “ตัวตลก” มาเป็น “พระเอก” เต็มรูปแบบ แถมยังอาจเป็นพระเอกแห่งความหวังเสียด้วย

ผมในฐานะนักบันทึกสังคมไทยก็ขออนุญาตนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่กัญชาในวันนี้

นี่ถ้าวิญญาณ “นายเชื้อบ้า” แกทราบด้วยญาณวิถีใดๆก็ตามคงจะปลาบปลื้มมากที่กัญชาของแกกลายเป็นขวัญใจมหาชนไปเรียบร้อย...รวมทั้งบรมครูผู้แต่งเพลงชุดกัญชาต่างๆ รวมทั้ง “เจ้าแห้ว” ของ ป.อินทรปาลิต ด้วย

ใครจะนึกล่ะจาก “ตัวตลก” ก็เป็น “พระเอก” ได้เหมือนกัน.

“ซูม”