กระทรวงวัฒนธรรมประกาศชื่อศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2563 ใน 3 สาขา รวม 12 คน มีทั้งนักร้อง-นักเขียนคนดัง “สุดา ชื่นบาน-รุ่งฤดี เพ็งเจริญ-เอนก นาวิกมูล-อรสม สุทธิสาร” ด้าน “แม่เม้า-สุดา” ดีใจถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เผยทั้งชีวิตอุทิศให้วงการบันเทิง ขณะที่ “เอนก” เน้นเรื่องการชำระประวัติศาสตร์ ตั้งใจถ่ายทอดความรู้ให้กับสังคมได้ข้อมูลถูกต้องมากขึ้น
ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 ก.พ. มีการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยในที่ประชุมได้มีวาระการพิจารณาการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2563 ด้วยภายหลังการประชุม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม แถลงข่าวผ่านช่องทางเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า และกรม ส่งเสริมวัฒนธรรม ว่าที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2563 จำนวน 3 สาขา รวม 12 ราย ดังนี้ สาขาทัศนศิลป์ จำนวน 4 รายได้แก่ 1.ศ.กิตติคุณ กำจร สุนพงษ์ศรี (จิตรกรรม) 2.นายอำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ (จิตรกรรม-สื่อผสม) 3.นายประภากร วทานยกุล (สถาปัตยกรรมร่วมสมัย) และ 4.นายสำเริง แดงแนวน้อย (ประณีตศิลป์-แกะสลักไม้)
นายอิทธิพลกล่าวต่อว่า สาขาวรรณศิลป์ จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.นายเอนก นาวิกมูล และ 2.น.ส.อรสม สุทธิสาคร และสาขาศิลปะการแสดง จำนวน 6 ราย ได้แก่ 1.นายประทีป สุขโสภา (เพลงพื้นบ้าน) 2.นายประเมษฐ์ บุณยะชัย (นาฏศิลป์-โขน) 3.นายปี๊ป คงลายทอง (ดนตรีไทย) 4.นางสุดา ชื่นบาน (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) 5.นางรุ่งฤดี เพ็งเจริญ (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) และ 6.นายปง อัศวินิกุล (ผู้กำกับระบบเสียง-สร้างสรรค์และบันทึกเสียงภาพยนตร์) และหลังจากนี้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะนำความกราบบังคมทูล เพื่อขอเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอรับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ รวมทั้งสนับสนุนให้ศิลปินแห่งชาติเป็นผู้เผยแพร่องค์ความรู้ในแขนงต่างๆต่อสังคม
...
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากผู้ได้รับการยกย่องศิลปินแห่งชาติ ในสาขาๆ โดย แม่เม้า-สุดา ชื่นบาน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ให้สัมภาษณ์ด้วยเสียงสั่นเครือว่ารู้สึกภูมิใจ ดีใจร้องไห้จนพูดไม่ออก ทั้งชีวิตได้อุทิศเพื่อวงการบันเทิงทุกรูปแบบ ทั้งการแสดง การร้องเพลง ตนจบจากเฉลิม-ศาสน์นาฏศิลป์มาอยากจะทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ต่อสังคม ต้องขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นคุณค่าของตน และให้ได้รับรางวัล ศิลปินแห่งชาติอันทรงเกียรติและหากมีอะไรจะให้ช่วยเหลือสังคมหรือให้ความรู้ต่อเด็กและเยาวชน ก็มีความยินดีสนับสนุนหากเวลาไม่ซ้อนกับงานประจำ ขณะที่นางอรสม สุทธิสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขา วรรณศิลป์ กล่าวว่ารู้สึกยินดี อยากบอกว่าการเป็นศิลปินแห่งชาติสาขานี้ไม่ได้มีความหมายกับตนคนเดียวเท่านั้น แต่มีความหมายกับงานสารคดีที่เรารัก และต่อสู้กับการงานสารคดีมานาน รางวัลที่ได้ครั้งนี้จึงเป็นรางวัลของคนเขียนสารคดีทุกคน อยากบอกคนรุ่นใหม่ว่างานสารคดีมีคุณค่า มีความหมายลึกซึ้ง อยากให้ร่วมกันสืบสานต่อไป
ส่วนนายประเมษฐ์ บุณยะชัย สาขาศิลปะการแสดง กล่าวว่ารู้สึกดีใจนึกถึงพระคุณของครูอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาการแสดงโขนที่ทรงคุณค่านี้และสิ่งสำคัญที่สุดคือการได้สนองงานใต้เบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระพันปีหลวงที่ทรงสืบสานการแสดงโขนพระราชทาน ทำให้ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาศาสตร์และศิลปะการแสดงโขนได้รับการฟื้นฟูกลับมาจนเป็นที่ประจักษ์แก่คนทุกวัย ทำให้ทุกคนที่ทำงานในวงการโขนมีกำลังใจทำงานอย่างเต็มกำลัง และทุกครั้งที่ท้อจะน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์ที่ว่าขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน สิ่งที่พระองค์ทรงสืบสานคือคุณค่าทางจิตใจเป็นความภาคภูมิใจของตนและคนที่ทำงานด้านนี้ และมั่นใจการแสดงโขนจะไม่สูญหายไปจากประเทศไทย ส่วนตัวจะยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อสืบสานการแสดงโขนพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สั่งสมมาให้คนรุ่นหลังด้วยความเต็มใจนับเป็น ของขวัญวันเกิดวัย 73 ปีและการทำงานด้านโขนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ขณะที่นายเอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ กล่าวว่าจากนี้ก็ยังเขียนงานสารคดีไม่หยุด เพราะต้องการถ่ายทอดความรู้ให้กับสังคม ตนเน้นเรื่องการชำระประวัติศาสตร์ นำความรู้และข้อมูลที่ตรวจสอบ แก้ไขได้มาเขียน ทั้งเพลงพื้นบ้าน ประวัติบุคคล จิตรกรรมไทย การแต่งกายแบบไทย เหตุการณ์ และสถานที่ นอกจากได้ชำระสิ่งที่ค้างคาใจตัวเอง ยังได้ชำระประวัติศาสตร์เพื่อให้สังคมได้ข้อมูลถูกต้องมากขึ้น