"หมอประสิทธิ์" แจงความจริง วัคซีนโควิด-19 เป้าหมายใหญ่ ไม่ได้ช่วยให้คนในประเทศไม่ติดเชื้อ แต่เพื่อลดการเสียชีวิต
วันที่ 26 ม.ค.64 กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ศาสตราจารย์ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงความจำเป็นที่คนไทยจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 เป้าหมายใหญ่ของการฉีดวัคซีนคือ เพื่อยับยั้งให้โรคไม่รุนแรง และลดการเสียชีวิตของผู้ป่วย ไม่ใช่เพื่อไม่ให้คนติดเชื้อ ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ไม่ต้องถึง 80-90% ก็สามารถใช้ได้ เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ 50-60% เท่านั้น แต่ต้องกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะนำมาผลิตวัคซีนมากกว่า
ส่วนวัคซีนที่ไทยจะนำเข้ามา ตัวแรกเป็นของ แอสตราเซเนกา (Astrazeneca) หลักการคือ เอาไวรัสมาตัวหนึ่ง ที่ไม่ก่อโรคในคน และนำพันธุกรรมของโควิด-19 โดยเฉพาะพันธุกรรมที่สร้างโปรตีน ที่ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดจำนวนมาก ไปแตะกับไวรัสตัวนี้ จากนั้นนำเข้าไปในตัวคน ซึ่งภูมิคุ้มกันในตัวเราจะรู้เองว่าไวรัสตัวนี้คือสิ่งแปลกปลอม จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันจะจดจำว่านี่คือเชื้อโรค คือสิ่งแปลกปลอม จากนั้นภูมิคุ้มกันก็จะไปกำจัดไวรัสเหล่านี้ และเมื่อมีการฉีดวัคซีนที่มีไวรัสกับพันธุกรรมของโควิด-19 เข้าไป ภูมิคุ้มกันในร่างกายจดจำได้ ก็จะมากำจัดไวรัสตัวนี้จนหมด และวัคซีนของ แอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพอยู่ที่ประมาณ 90% (ทั้งหมดนี้ต้องฉีด 2 ครั้ง)
...
และที่วัคซีนไม่ได้มีราคาแพงมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ได้นำไวรัสโควิด-19 มาทำ เมื่อเทียบกับวัคซีนอื่น สำหรับไทยซื้อได้ในราคา 5 เหรียญสหรัฐต่อโดส นอกจากนี้เทคโนโลยีการผลิตนี้ไม่มีการใส่ไวรัส หรือโปรตีนใดๆ เข้าไปเลย ดังนั้นจะปรากฏการแพ้ หรือมีอาการแทรกซ้อน ในทางทฤษฎีก็น่าที่จะน้อยด้วย
วัคซีนอีกตัวที่ไทยจะนำเข้ามา คือ Sinovac คาดว่าจะเข้ามาใน ก.พ.นี้ เพราะลำพังวัคซีนของแอสตราเซเนกาเจ้าเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งวัคซีน Sinovac ใช้อีกเทคโนโลยีในการผลิต คือ การนำไวรัสโควิด-19 มา จากนั้นทำให้อ่อนแรง และไม่ทำให้เกิดอันตราย ก่อนนำเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่า เนื่องจากเป็นการนำไวรัสมาขยายจำนวนในห้องปฏิบัติการ โดยไม่ให้แพร่กระจายออกมา ได้ผลอยู่ประมาณ 50% ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน โดยเทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราฉีดกันอยู่ในปัจจุบัน และมีความปลอดภัยมาก
อย่างไรก็ตาม วัคซีน 2 ตัวนี้จะเป็นวัคซีนที่จะนำเข้ามาในประเทศไทย และเมื่อคนไทยฉีดครอบคลุมประมาณ 50-60% ของคนไทย บวกกับอีกจำนวนหนึ่งที่ติดเชื้อแล้วและมีภูมิคุ้มกัน เราจะมีจำนวนคนที่มีภูมิคุ้มกันในประเทศประมาณ 60-70% ซึ่งก็อาจจะทำให้ถึงจุดที่โควิด-19 ถูกกำจัดไปโดยปริยาย นี่คือเหตุผลที่อยากย้ำว่า "ฉีดวัคซีน เพื่อช่วยชาติ"
เมื่อถามว่า ทำไมการฉีดวัคซีนถึงไม่ฉีดให้ทุกคน แต่เป็นการถามความสมัครใจ นพ.ประสิทธิ์ ชี้แจงว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรบังคับ เพราะวัคซีนแต่ละตัวยืนยันเลยว่า การันตีไม่ได้ว่าปลอดภัย 100% เช่นเดียวกับการรักษา หากตนไปรักษาคนไข้ ก็ต้องถามความสมัครใจว่า จะยินยอมรับการรักษาหรือไม่ ซึ่งตนก็จะอธิบายถึงประโยชน์ของการรักษา ถ้ายินดี ก็จบ ซึ่งตนยืนยันว่า วัคซีนมีความจำเป็น อาการแพ้อาจจะมีบ้าง แต่เชื่อว่าไม่มีความรุนแรงเหมือนที่มีรายงานที่ผ่านมา ก็อยากจะเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนกัน.