ไทยพบติดเชื้อโควิด-19 อีก 245 เป็นยอดหลักร้อยต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มสถานบันเทิง-สังสรรค์ปีใหม่ แต่แนวโน้มคุมการระบาดได้ จ่อชงผ่อนปรนบางมาตรการ ด้านคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ชี้คนเป็นเบาหวาน-โรคอ้วน หากติดเชื้อเสี่ยงป่วยรุนแรง เหตุเชื้อทำลายปอดวอนทุกคนร่วมลด 4 ปัจจัยเสี่ยง ขณะเดียวกัน “อนุทิน” โพสต์อีก ชี้ช่อง ก.ม.โรคติดต่อ คนทำผิดกฎหมายนำเชื้อมาแพร่ระบาด ต้องรับผิดชอบค่ารักษาเอง ส่วนโฆษก ศบค.ขอให้ดูเป็นกรณีไป

ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในไทย ยังคงเพิ่มขึ้นและเป็นตัวเลข 3 หลักอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพอมีข่าวดีที่ในภาพรวม แม้ยอดติดเชื้อสะสมทะลุเกิน 1 หมื่นคน แต่ก็รักษาหายแล้วกว่า 5.5 พันคน อยู่ระหว่างรักษากว่า 4.4 พันคน

ติดเชื้อโควิดอีก 245 ราย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 ม.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 245 ราย เป็นติดเชื้อในประเทศ 224 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 21 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,298 ราย หายป่วยสะสม 6,428 ราย อยู่ระหว่างรักษา 3,803 ราย เข้าเกณฑ์เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 17 ราย ที่ต้องการให้ได้ยาต้านไวรัสเร็วขึ้น ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 67 ราย มีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ใน 58 จังหวัด ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มี 19 จังหวัดที่ไม่มีรายงานป่วย และ 19 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมาก่อน ขณะที่กองระบาดวิทยาจำแนกอายุผู้ติดเชื้อช่วงระหว่างวันที่ 15 ธ.ค.2563-9 ม.ค.2564 จำนวน 2,769 ราย พบว่าช่วงอายุเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าเดิมทุก 20-39 ปี ครั้งนี้อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ปี น้อยสุด 1 เดือน มากสุด 95 ปี และหญิงมากกว่าชาย

...

อย่ารังเกียจ ย้ำ รพ.สนามจำเป็น

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลสนามมีความจำเป็น อย่าง จ.สมุทรสาคร ที่วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อ 73 ราย ถ้าต้องนอนโรงพยาบาลจะเอาเตียงที่ไหน นี่คือเหตุผลต้องหาเตียงที่เหมาะสมอาการ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นแรงงานติดเชื้อมาไม่มีอาการจะไปนอนโรงพยาบาลก็เปลืองเตียง แค่ต้องการกักตัวออกจากคนอื่นเท่านั้นเอง เช่นเดียวกับ ชลบุรี ระยอง กระทรวงสาธารณสุขสั่งให้ผู้ตรวจราชการทุกเขตไปหาสถานที่ที่จะทำโรงพยาบาลสนาม ดังนั้น อย่าตั้งข้อรังเกียจกัน ผู้มีอาการน้อยนอนร่วมกัน รักษาร่วมกันได้ ประหยัดเจ้าหน้าที่ด้วย อยากแสดงความมั่นใจว่าจะเลือกสถานที่ที่จะทำให้ประชาชนในจังหวัดได้ดูแลคนจังหวัดของท่าน โดยไม่ข้ามจังหวัด ภายในจังหวัดต้องคุยแนวโน้มในอนาคตในทางที่ไม่ดีไว้ก่อน แล้วหาหนทางจัดการล่วงหน้าไว้ก่อนที่ปัญหาจะเกิด ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นไร

ดีใจคนโหลดแอปหมอชนะเพิ่ม

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า วันที่ 9 ม.ค. มีจำนวนยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหมอชนะสะสม 5.96 ล้านครั้ง และมีคนลงทะเบียนสะสม 2.8 ล้านคน ดีใจที่ทำไปแล้วคนไทยเข้าใจ ต้องกราบขอบพระคุณ ไม่มีวิธีอะไรดีเท่ากับการขอความร่วมมือ ข้อกำหนดไม่ได้ต้องการนำใช้ และเชื่อในภาคกฎหมายไม่มีใครอยากเอาผิดด้านนี้ เราเคยใส่หน้ากากชนะศึกมาเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้ใหญ่หลวงกว่านั้น นอกจากต้องใส่หน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แอปพลิเคชันหมอชนะยังเป็นอาวุธ หรือเกราะป้องกันอีกอันสำหรับผู้ที่ติดตั้งแอปฯหมอชนะทุกอย่างเป็นความลับ ถ้าเราไปในสถานที่ที่มีผู้ติดเชื้อจะเตือน และเราต้องสังเกตรับผิดชอบอาการอยู่บ้าน 14 วัน ไม่ต้องรีบไปหาหมอ แต่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ และได้รับการเตือนให้รีบไปโรงพยาบาลได้เลย จะได้รับการตรวจรักษาฟรี

โรงเบียร์ศรีราชามาเป็นกลุ่ม

เมื่อถามว่า ศบค.ได้รับรายงานหรือไม่ว่ามีสถานบันเทิง ผับ บาร์ ร้านอาหาร อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีผู้ติดเชื้อโควิด นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้แถลง เบื้องต้นพบระบาดในโรงเบียร์ที่ศรีราชา มีผู้ติดเชื้อ รายงานตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.จำนวน 32 คน และคาดว่าจะแพร่เชื้อไปยังคนใกล้ชิดนอกโรงเบียร์อีก 9 คน ซึ่งใน 32 คน มีการไปสำรวจหาผู้ที่มีความเสี่ยงประมาณ 31 คน ติดตามได้ 29 คน พบติดเชื้อ 13 คน ไม่พบเชื้อ 6 คน อีก 10 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจ

ขอให้ดูเป็นรายๆไป

ส่วนกรณี รมว.สาธารณสุขเสนอให้เก็บค่ารักษาจากผู้ที่ติดเชื้อจากบ่อนพนันและลักลอบเข้าประเทศ อาจทำให้เสี่ยงต่อการกระจายโรคนั้น นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ถ้ามีการติดเชื้อแล้วปิดบัง ไม่ร่วมมือ ไม่โหลดแอปฯนี่คือสิ่งที่ต้องได้รับโทษตามข้อกำหนด ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต้องดูตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข กรณีต่างด้าวก็เช่นกัน ต้องดูเป็นกรณี แต่ถ้ามีความประสงค์ไม่ดี หรือปิดบังต้องรับผิดชอบด้วย แต่ที่บอกว่าโทษมีแล้วทำให้ต้องแอบ ไม่เปิดเผยตัว ขออย่าเข้าใจอย่างนั้น ยิ่งจะทำให้ทรุดหนัก ฉะนั้น การเปิดเผยและบอกความจริงจะช่วยให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้ คงไม่มีใครอยากจะเอาเชื้อมาให้ตัวเองป่วย แต่พลาดพลั้งไปแล้ว ขอให้เข้ามาสู่ระบบ

ปมบ่อนเป็นความหนักใจ

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงจำนวนผู้ติดเชื้อด้วยว่า ถ้าจากกราฟยังไม่มีตัวไหนลดลง กราฟรายสัปดาห์ยังขึ้น ตัวเลขรายวัน ตัวเลขใหม่ยังอยู่ที่สองร้อย ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยสะสมยังเพิ่มขึ้น จะขึ้น จะลง ลุ้นกันเป็นวัน เป็นชั่วโมง เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้อยู่นิ่ง มีการสแกนหาเชื้อเชิงรุกทุกจังหวัด ต้องพยายามเร่งรัดกวาดหาเชื้อเข้ามา สะเก็ดไฟตกลงมาตรงนี้ต้องรีบดับ และรีบจำกัดวง ต้องให้คนติดใหม่น้อยที่สุด ปัจจัยที่จะทำให้โรคนี้ลดลงคือสร้างระยะห่างระหว่างบุคคล ดังนั้น การไปมาหาสู่เป็นเรื่องที่เป็นประเด็น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทาหรือสีอะไร วันก่อนบอกว่าไม่มีบ่อนใหญ่แล้ว แต่ไปจับบ่อนเล็กนั่งกันเล่น 5-20 คน ยังเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งเป็นความหนักใจภาคสาธารณสุข เชื่อฝ่ายความมั่นคงเองก็หนักใจ แต่คนเล่นหนักใจกันบ้างมั้ย มีความรู้สึกบ้างหรือไม่ว่าโรคใกล้ตัวท่าน ถ้าท่านเป็นขึ้นมาไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลยกับชีวิต และขอให้เราไม่ต้องมีเลยสิ่งที่ลักลอบผิดกฎหมาย เพื่อที่เราจะได้ผ่านโรคนี้ได้ด้วยกัน

...

“อนุทิน” ชี้ช่องคนทำผิดให้จ่ายเอง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยังโพสต์ผ่านเพจอนุทิน ชาญวีรกูล ในประเด็นค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ลักลอบเข้าประเทศหรือทำผิดกฎหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค ต่อเนื่องอีกวัน โดยระบุว่า ประเด็นชวนคิด ผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างชาติ ที่อยู่ในประเทศต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสาธารณสุข “ไม่มีการปฏิเสธการรักษา” ย้ำตามนี้ครับ แต่ภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา ผู้กระทำความผิด ละเมิดกฎหมาย ลักลอบข้ามแดน หรือ นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว วันนี้กระทรวงสาธารณสุขมีภาระค่าใช้จ่ายต้องตรวจรักษาผู้ลักลอบข้ามแดน ทั้งคนไทยและคนต่างด้าวจำนวนมาก ซึ่งก็คืองบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน และเงินกู้ที่คนไทยต้องชดใช้นั่นเอง นี่คือประเด็นที่เสนอให้ช่วยกันคิดครับ

อ้างถึง ม.40-42 ก.ม.โรคติดต่อ

นายอนุทินยังโพสต์ถึงสาระสำคัญ มาตรา 41 และ 42 ของกฎหมายโรคติดต่อด้วยว่า “มาตรา 41 ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทาง ซึ่งมากับพาหนะนั้นเพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามมาตรา 40 และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง การกำหนดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรา 42 ในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหะนําโรค ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีอำนาจสั่งให้บุคคลดังกล่าวถูกแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้เดินทางผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

...

จ่อผ่อนปรนบางมาตรการ

ต่อมาที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์–กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมแถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ โดย นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่แนวโน้มลดลง เป็นผลจากการควบคุมที่ดีโดยเฉพาะการใช้มาตรการสังคมในพื้นที่บางส่วนของภาคกลางที่มีการปิดไม่ให้มีการเคลื่อนที่ ส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้น คาดหวังตัวเลขจะลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้ และสิ้น ม.ค.จากตัวเลข 3 หลักน่าจะเหลือ 2 หลัก จากนั้นเดือน ก.พ.จะต้องควบคุมไม่ให้สูงขึ้น ซึ่ง สธ.ต้องเตรียมแผนรองรับต่อไป การระบาดรอบใหม่ครั้งนี้มีการตรวจกลุ่มที่เป็นชาวต่างชาติไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 43,077 คน พบติดเชื้อ 2,573 คน ส่วนใหญ่อยู่ในเขตสุขภาพที่ 4 และ 5 อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่จะถึงนี้จะเสนอให้มีการผ่อนปรนมาตรการบางอย่างโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน แต่ย้ำว่าทุกคนก็ยังคงต้องรักษาระเบียบวินัย

...

เร่งขึ้นทะเบียนวัคซีนจีน

ปลัด สธ.กล่าวถึงความคืบหน้าวัคซีนว่า วัคซีนลอตแรกที่ได้มาจากซิโนแวค ไบโอเทค ประเทศจีน 2 ล้านโดส คาดว่าจีนจะมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนดังกล่าวเร็วๆนี้ ในส่วนของประเทศไทยจะเร่งให้มีการขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งตรงกับวันแห่งความรัก เพื่อเป็นการส่งมอบความรัก ความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชน จากนั้นจีนจะจัดส่งวัคซีนเข้ามาลอตแรกภายในวันที่ 28 ก.พ. จำนวน 2 แสนโดส และทยอยส่งในเดือน มี.ค. จำนวน 8 แสน และ เม.ย.อีก 1 ล้านโดส

ได้วัคซีนจีนไม่เกี่ยวเอกชน

ด้าน นพ.ศุภกิจกล่าวว่า รัฐบาลมีความพยายามจัดหาวัคซีนจากหลายทางเพื่อให้ประชาชนได้ฉีดฟรี จนสามารถได้มาก่อน 2 ล้านโดสจากซิโนแวค ไบโอเทค ประเทศจีน เนื่องด้วยไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนมาโดยตลอด ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนใดๆ ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกาที่สั่งจอง 26 ล้านโดส ซึ่งตามกำหนดจัดส่งในเดือน พ.ค.นั้น ขณะนี้มีความพยายามเจรจากับทางแอสตราเซเนกาขอให้ได้วัคซีนมาก่อนกำหนดเพื่อจะได้ฉีดให้กับประชาชน

จับตาผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน

ขณะที่ นพ.นครกล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีวัคซีนโควิด-19 ที่มีความก้าวหน้าที่สุดคือ อยู่ในระยะเฟส 3 ซึ่งทุกชนิดมีการฉีดให้ประชาชนและเก็บข้อมูลไปด้วย จำนวน 6 ชนิด ได้แก่ ไฟเซอร์ ของสหรัฐอเมริกากับเยอรมนี, โมเดอร์นา ของสหราชอาณาจักรและสวีเดน สปุตนิกวี ของรัสเซีย ซิโนแวค และซิโนฟาร์มของประเทศจีน ขณะนี้วัคซีนต่างๆมีการฉีดให้ประชาชนโดยทั่วไป และมีผลข้างเคียงปกติทั่วไป เช่น ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ และปวดบริเวณที่ฉีด ยังไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงอื่น แต่มีข้อสังเกต วัคซีนที่ใช้ในภาวะเร่งด่วนนี้ มีการฉีดในจำนวนล้านๆโดส จะมีผลข้างเคียงที่พบได้ยากปรากฏขึ้น เช่น ฉีดในจำนวน 5 หมื่นโดส จะไม่พบ ผลข้างเคียง แต่ฉีดในระดับล้านโดสจะพบ เช่น ไฟเซอร์ พบว่า การแพ้วัคซีนชนิดรุนแรง จากการใช้วงกว้าง 11 ต่อล้านการฉีด เป็นต้น เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข จับตาดูการฉีดวัคซีนของทุกบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความปลอดภัยที่สุดสำหรับคนไทย

เสนอแผนการฉีดวัคซีน 11 ม.ค.นี้

ส่วน นพ.โอภาสกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข จะนำแผนการฉีดวัคซีนและการเตรียมการฉีดวัคซีน เข้าที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติในวันที่ 11 ม.ค.นี้ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน โดยขณะนี้เรามีสถานพยาบาล พร้อมที่จะฉีดวัคซีนให้ประชาชน กระจายทั่วประเทศ 11,000 หน่วยบริการ

ผวจ.สมุทรสาครปอดฟื้นตัวดี

วันเดียวกัน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวถึงอาการนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า รอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา เริ่มถอยยาคลายกล้ามเนื้อ และยาทำให้หลับ เพื่อให้รู้สึกตัวมากขึ้น แต่ยังมีการต้านเครื่องช่วยหายใจเป็นระยะ จึงยังให้ใส่อยู่แต่ผ่อนให้ผู้ว่าฯ กำหนดการกระตุ้นการหายใจด้วยตัวเองแทนเครื่อง ถือว่าเป็นการฝึกการหายใจเอง ขณะนี้ระบบแลกเปลี่ยนการหายใจถือว่าดี ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดอยู่ในระดับน่าพอใจ พยาธิสภาพของปอดก็ฟื้นตัวดี แต่ด้วยความสูงอายุ ทำให้การหายใจด้วยตัวเองอาจจะยังช้ากว่าคนปกติ 1-2 วัน จึงไม่ต้องรีบร้อนถอยเครื่องช่วยหายใจ ภาพรวมถือว่าดี

เบาหวาน–อ้วนเสี่ยงป่วยหนัก

ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุข ระบุมีคนไข้อาการหนักประมาณ 32 คน รายที่มีอาการหนักจะมีภาวะปอดอักเสบ และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดรอบแรกพบรอบนี้มีผู้ป่วยในวัย 40 ปีกว่าจำนวนมากขึ้น หรือแม้แต่เด็กเล็กขวบเดียวก็ติดโควิด ทั้งยังพบปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน และโรคอ้วน ที่มีส่วนให้อาการรุนแรงขึ้น หากผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อยู่ใน รพ.สนาม จะต้องสังเกตอาการ และเฝ้าระวังเข้มงวด หากพบว่าหายใจไม่ดี จะต้องนำตัวส่งรักษาใน รพ.ทันที

เชื้อทำลายปอดทำหายใจลำบาก

ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า การระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ รุนแรงกว่าและต่างจากรอบแรก ตั้งแต่จุดเริ่มในที่อโคจร การกระทำผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมือง คนไม่ยอมเปิดเผยตัว สืบสวนต้นตอที่มาของโรคยาก ความรุนแรงของโรคจากการกลายพันธุ์ โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ปอดทำงานไม่เต็มที่ เมื่อไวรัสจู่โจมระบบทางเดินหายใจ อาจทำลายปอด 10-20 เปอร์เซ็นต์ จนปอดไม่ฟื้นกลับมา ได้แก่ 1.ผู้สูงอายุ 2.คนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอด เช่น โรคปอด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง แม้ปอดถูกทำลายเล็กน้อย ก็จะส่งผลต่อชีวิตอย่างมาก 3.คนที่มีน้ำหนักมาก มีไขมันใต้ผิวหนัง หรือใต้ช่องท้องมาก รวมถึงผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มนี้เสี่ยงกับการหายใจที่ยากลำบากกว่าเดิม เพราะกระบังลมเคลื่อนไหวได้ยาก ทำให้ปอดทำงานได้น้อยลง

ต้องช่วยกันลด 4 ปัจจัยเสี่ยง

“ธรรมชาติของไวรัสทุกชนิดไม่เฉพาะโควิด-19 มันจะปรับตัวหรือที่เรียกว่ากลายพันธุ์อยู่เสมอ ดังนั้น ต้องช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยง คือ 1.พบกับบุคคลเสี่ยง 2.อยู่ในพื้นที่เสี่ยง 3.ร่วมกิจกรรมเสี่ยง 4.เข้าไปช่วงเวลาเสี่ยง คนไทยทุกคนต้องร่วมกันจัดการกับ 4 เสี่ยงนี้ เท่าที่จะทำได้ตามปัจจัยและเงื่อนไขชีวิตตนเอง ไม่ต้องรอให้รัฐออกมาตรการ ไม่จำเป็นต้องให้มีการบังคับ นี่คือสิ่งที่เราจะช่วยปกป้องชีวิตของตัวเองและคนที่เรารัก” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว

กทม.ติดเชื้อรวมกว่า 400 คน

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ตลอดวันที่ 10 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั่วประเทศยังพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มต่อเนื่อง โดยสำนักการประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กระบุว่า กทม.พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 22 ราย สรุปจำนวนผู้ติดเชื้อใน กทม.ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63-10 ม.ค.64 รวมจำนวน 419 คน จากการสอบสวนเป็นคนต่างจังหวัดที่รักษาตัวในโรงพยาบาลพื้นที่ กทม. 101 คน และเป็นคนอยู่ในพื้นที่ กทม. 296 คน สำหรับไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อที่อยู่ใน กทม. สอบสวนโรคแล้วเสร็จเพิ่มอีก 9 คน โดยผู้ติดเชื้อจำนวน 6 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 5 คน ทั้งหมดเป็นพนักงานร้านมะรุม พลาซ่า บางแค ส่วนอีก 3 คน ระบุว่ารายแรกเป็นชาย อาชีพขายของออนไลน์ พักอาศัยย่านซอยเพชรเกษม 42 รายที่ 2 เป็นนักศึกษาหญิง อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จ.ระยอง รายที่ 3 เป็นชาย อาชีพขายอาหารทะเล มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาครมาใหม่ 80 คน

ด้าน สสจ.สมุทรสาคร ยืนยันมีผู้ป่วยรายใหม่ 80 คน จำแนกเป็นจากการค้นหาเชิงรุก 43 คน เป็นคนไทย 2 คน และต่างด้าว 41 คน ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากการตรวจในโรงพยาบาล 37 คน เป็นคนไทย 23 คน และต่างด้าว 14 คน ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดได้ปล่อยตัวแรงงานต่างด้าว 292 คน ที่กักตัวอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 สนามกีฬากลางฯ กลับเข้าตลาดกลางกุ้ง หลังกักตัวครบ 14 วัน และตรวจซ้ำไม่พบเชื้อโควิด-19 แล้ว ท่ามกลางความดีอกดีใจของครอบครัวที่รอรับคนกลุ่มนี้กลับอย่างใจจดใจจ่อและเฮลั่นพร้อมปรบมือต้อนรับทันทีที่รถนำแรงงานกลุ่มนี้เข้ามา โดยทั้ง 292 คน ยังต้องกักตัวเองอีก 14 วัน จนกว่าตลาดจะเปิดทำการค้าขายตามปกติ

พร้อมเปิดศูนย์ห่วงใยฯ แห่งที่ 4

ต่อมาพันจ่าเอกอัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนาดี อ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยถึงความพร้อมของศูนย์ห่วงใยคนสาคร ในพื้นที่ 2 แห่ง จะเป็นศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 4 คือตั้งอยู่ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มี 2 อาคาร คืออาคารเฉลิมพระเกียรติฯ สามารถรองรับได้ 200 คน และอาคารสนามฟุตซอล รองรับได้ 150 คน รวม 2 อาคารสามารถรองรับได้ 350 คน ภาพรวมคืบหน้าไปราวร้อยละ 90 คาดว่าจะส่งมอบให้ทางจังหวัดได้ในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับที่วัดเทพนรรัตน์ ต.นาดี อ.เมืองสมุทรสาคร ภาพรวมอยู่ประมาณร้อยละ 90 เช่นกัน

กักตัวครบ 14 วันยังเจอเชื้อ

ส่วนที่ จ.สมุทรสงคราม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระบุพบผู้ป่วยโควิค-19 เพิ่ม 1 คน เป็นรายที่ 28 ของจังหวัด โดยผู้ป่วยเป็นหญิง อายุ 52 ปี เป็นภรรยาผู้ป่วยรายที่ 13 อาชีพเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่อยู่ อ.บางคนที โดยกักตัวเองมาตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.63 หลังผลตรวจไม่พบเชื้อโควิค-19 กระทั่งวันที่ 7 ม.ค.64 มาตรวจหาเชื้อซ้ำที่ รพ.นภาลัย เพื่อจะกลับไปทำงานในวันที่ 8 ม.ค.แต่ผลการตรวจกลับพบเชื้อโควิค-19 และเข้ารักษาตัวใน รพ.แล้ว

“ระยอง–จันท์” ยอดยังพุ่ง

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่ จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้อของจังหวัด ณ วันที่ 10 ม.ค.เพิ่มขึ้น 15 คน รวมติดเชื้อสะสม 509 คน พื้นที่อำเภอเมืองระยอง ยังเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด มีการตรวจหาเชื้อในเชิงรุกไปแล้ว 11,731 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 249 คน เสียชีวิต 1 คน สำหรับผู้ป่วยที่พบใหม่เป็นการเชื่อมโยงจากโต๊ะสนุ้กเกอร์ ในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง ถึง 9 คน ส่วนผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมโยงจากบ่อนพนัน และกระจายไปตามกลุ่มต่างๆ ฉะนั้นจึงยังวางใจไม่ได้ และยังคงต้องเข้มงวดในมาตรการป้องกันต่อไป ขณะที่ จ.จันทบุรีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 คน เชื่อมโยงกลุ่มก้อนใหญ่ที่เล่นการพนัน รวมถึงผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเดิม

ลพบุรีสั่งปิดทั้งหมู่บ้าน

ส่วน จ.ลพบุรี นายสุภกิณห์ แวงชิน รอง ผวจ.ลพบุรี นำคณะแถลงในช่วงเย็น ว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 5 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อคนที่ 7 ที่ติดเชื้อมาจากบ่อนไก่ใน จ.อ่างทอง โดย 1 ในผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเด็กชายอายุ 10 ขวบ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ติดเชื้อตั้งแต่รายที่ 7 จนถึง 20 ของจังหวัดเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน คือหมู่ที่ 3 ต.บ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ส่งผลให้นายเดชวุฒิ นิลแย้ม นอภ.ท่าวุ้ง ประกาศปิดหมู่บ้านดังกล่าว ห้ามใครเข้า-ออกโดยเด็ดขาด และให้จัดนำข้าวสาร อาหาร ใส่ถุงนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านทุกครัวเรือนทั้ง 3 มื้อ ร่วมทั้งพระสงฆ์ที่วัดบ้านเบิกได้ฉัน พร้อมให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม.เข้าตรวจหาเชื้อชาวบ้านในหมู่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม.

ผู้ติดเชื้อกระจายหลาย จว.

ด้านนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผวจ.อ่างทอง โพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งยอดผู้ป่วยโควิด-19 วันที่ 10 ม.ค.เพิ่มอีก 8 คน รวมสะสม 92 คน พร้อมระบุตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.64 เป็นต้นไป จังหวัดอ่างทองจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลยอดผู้ติดเชื้อ และ timeline ผ่าน www.ato.moph.go.th  เท่านั้น ขณะที่ นางวันเพ็ญ มังศรี รอง ผวจ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า
ณ วันที่ 10 ม.ค.พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน ทั้งหมดเป็นหญิง อายุ 41 ปี 43 ปี และ 55 ปี ทำงานโรงงานปลากระป๋อง จ.สมุทรสาคร ส่วน จ.กาญจนบุรี ยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 อีก 1 คน เป็นรายที่ 5 ของจังหวัด เป็นเด็กหญิง 6 ขวบ เป็นบุตรของผู้ป่วยรายที่ 3-4 ของจังหวัด ส่วน จ.สระแก้ว ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 คน เป็นชายไทย อายุ 32 ปี อาชีพรับเหมาเดินสายระบบไฟฟ้าภายในอาคารอยู่บ้านเช่าใน ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว ขณะที่ อุบลราชธานี ยืนยันพบผู้ป่วยรายใหม่ 1 คน นับเป็นรายที่ 3 ของจังหวัด เป็นชาย อายุ 62 ปี ชาวบ้านหนองแวง ต.สว่าง อ.สว่างวีระวงศ์ อาชีพขายผักตามตลาดนัด ไม่เคยเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ลูกชายทำงานที่ กทม.เดินทางกลับมาเยี่ยมพ่อที่บ้านเกิด และมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 8 ม.ค.จึงมาตรวจที่ รพ.สว่างวีระวงศ์ ก่อนถูกส่งมาที่ รพ.วารินชำราบ และเมื่อทราบผลตรวจติดโควิด-19 จึงถูกส่งตัวรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ โดยเคสนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ รพ.วารินชำราบ และ รพ.สว่างวีระวงศ์ นับสิบคน ต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 คน เป็นชายไทย อายุ 26 ปี อาชีพพ่อครัว มีประวัติสัมผัสกับแฟนสาวที่ติดเชื้อโควิด-19 จากร้านริเวอร์ไซด์

แม่สายพ่นยาฆ่าเชื้อรถข้ามแดน

สำหรับมาตรการเฝ้าระวังต่างๆนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสายวันเดียวกัน ที่หน้าด่านพรมแดนสะพานที่ 2 พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กกล.ผาเมือง ประธาน TBC ฝ่ายไทย ตม.เชียงราย ศุลกากรแม่สาย รพ.แม่สาย น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ร่วมกันนำรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อ จำนวน 8 คัน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรถตู้ รถบรรทุกสินค้าผ่านแดนตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อโควิด-19 ส่วนคนขับได้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดถูภายในรถด้วยตนเอง จำนวน 60 คัน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 คนขับรถขนส่งสินค้าคนไทยและเมียนมาทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของคนพื้นที่ชั้นใน

5 ข่าวลวงโควิดแชร์ซ้ำซาก

วันเดียวกัน นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งโคแฟค ประเทศไทย (COFACT Thailand) เปิดเผยว่า จากการรวบรวม 5 ข่าวลือข่าวลวงผ่านสื่อออนไลน์ที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่วนซ้ำกลับมาอีกรอบ ได้แก่ 1.“คลิปเสียงปลอม” ความยาว 1.20 นาที อ้างว่าเป็นเสียงของ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ โดยมีเนื้อหาขอความร่วมมือให้ประชาชนคนไทยทุกท่านล็อกดาวน์ ที่มีการส่งต่อกันอย่างแพร่หลายข้ามปี 2.การดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ ซึ่งต่อมาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง 3.เลือดเป็นด่างมีโอกาสติดไวรัสโควิด-19 ได้น้อยลง 4.พัสดุไปรษณีย์เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 และ 5.ยืนตากแดดฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้

“บิ๊กปั๊ด” สั่ง ผบช.สอท.ปราบเฟกนิวส์

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.และโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์หรือส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือเฟกนิวส์ในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ มีเฟกนิวส์จาก Line Official ที่ชื่อ Away Covid-19 หลอกลวงขอข้อมูลจากผู้ใช้บริการ ซึ่งผู้พัฒนายืนยันข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง จึงเข้าข่ายความผิดฐานนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท.ปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี

ครบ 1 ปี ติดโควิดตายคนแรก

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างแดน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในวันที่ 11 ม.ค.ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปี รัฐบาลจีนยืนยันการตรวจพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากไวรัสมรณะในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย จุดแรกเริ่มของการแพร่ระบาด ขณะที่ยอดติดเชื้อรวมทั่วโลกเพิ่มเป็น 90 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 1.95 ล้านคน โดยสหรัฐอเมริกายังครองอันดับ 1 ของโลก ยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 22.7 ล้านคน เสียชีวิตรวม 381,480 คน ส่วนอังกฤษที่เผชิญกับการลุกลามของเชื้อกลายพันธุ์ B.1.1.7 ยอดติดเชื้อรวมได้พุ่งทะลุ 3 ล้านคน เสียชีวิตรวม 80,868 คน พร้อมประเมินว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ 13 ล้านคน ภายในกลางเดือน ก.พ.นี้

ควีนผู้ดีฉีดวัคซีน-โป๊ปรอคิว

นอกจากนี้ สำนักพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม อังกฤษ เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งราชวงศ์อังกฤษ พร้อมพระสวามีเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระ ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโดสแรกเป็นที่เรียบร้อย โดยไม่ขอชี้แจงว่าใช้วัคซีนของบริษัทใด พร้อมระบุว่าปกติแล้วสำนักพระราชวังจะไม่ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพระวรกายของราชวงศ์ แต่ครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ทรงต้องการรณรงค์ให้พสกนิกรฉีดวัคซีน ส่วนที่นครรัฐวาติกัน ซึ่งจะเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนในเร็วๆนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา หรือโป๊ปฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ตรัสว่าพระองค์อยู่ในคิวรอรับวัคซีน เนื่องจากมอง ว่าการฉีดวัคซีนถือเป็นหน้าที่ทางจริยธรรม