• เติมลมยางแค่ไหนถึงเรียกว่าเหมาะสม
  • เลือกแบบไหนดี? ลมยางไนโตรเจน vs ลมยางธรรมดา
  • เทคนิค(ไม่)ลับ ยืดอายุการใช้การยางรถยนต์


เรื่องของล้อ ที่ไม่ควรล้อเล่น เพราะ "ล้อ" ที่กำลังจะพูดถึง คือ ส่วนที่อยู่ระหว่างตัวรถและพื้นถนน หากเกิดความผิดพลาดอาจจะต้องจ่ายบทเรียนราคาแพงด้วยชีวิต โดยเฉพาะนักขับมือใหม่ รู้หรือไม่ว่า...รถยนต์ที่ตัวเองขับอยู่นั้นควรมีระดับ "ความดันลมยาง" หรือที่เรียกกันว่า เติมลมยาง ระดับใดจึงเหมาะสม

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

เติมลมยางเท่าไร ถึงจะดี

จากการสอบถาม น.ส.มณฑิตา ปุ่นบุตร เจ้าของร้านยางรถยนต์ ซีเอ็มยางยนต์ เปิดเผยว่า รถยนต์แต่ละคันจะระบุสเปกความดันลมยางตามค่ามาตรฐานมาให้แล้ว ส่วนมากจะติดอยู่ที่บริเวณประตูฝั่งคนขับ หากหาไม่เจอหรือไม่รู้จริงๆ สามารถนำยี่ห้อ หรือรุ่นของรถไปเสิร์ชหาในเว็บไซต์ได้

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

...

โดยทั่วไป รถเก๋ง (ขอบล้อขนาด 15 นิ้ว) จะเติมลมอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ส่วนรถกระบะ อยู่ที่ประมาณ 33-35 PSI ในกรณีที่บรรทุกของหนักจะเติมอยู่ที่ประมาณ 40 PSI ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ที่สำคัญ คือ ไม่ควรเติมลมยางขณะที่ยางมีความร้อน

อย่าเพิ่งตกใจ เติมลมยางแล้วระเบิด?

หลายคนอาจเคยได้ยินข่าว เติมลมแล้ว ยางระเบิดใส่จนเสียชีวิต ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับยางของรถขนาดใหญ่ ซึ่งอัดลมเข้าไปจำนวนมากเป็น 100 ปอนด์ ประกอบกับยางเสื่อมสภาพ เมื่ออัดลมเข้าไปมากๆ เกินอัตราที่กำหนดจึงทำให้เกิดการระเบิดได้

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

แต่ปัจจุบันมีเครื่องเติมลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกำหนดตัวเลขความดันลมยางได้ เมื่อถึงตามกำหนดคอมเพรสเซอร์จะตัดอัตโนมัติ ค่อนข้างมีความปลอดภัย ส่วนรถเก๋งที่มีความดันลมยางประมาณ 30 PSI หากระเบิดก็ไม่รุนแรง จนทำให้เสียชีวิตได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การไม่ประมาท หมั่นเช็กสภาพยางเป็นประจำจะดีกว่า

ยางอ่อนเกินไป แข็งเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า "ยางรถยนต์ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้เลย" หลายคนชอบเติมลมยางอ่อน เพราะเชื่อว่ารถวิ่งแล้วไม่กระเด้ง ขับขี่นุ่นนวล ขณะเดียวกันก็มีข้อเสียตามมาคือ ขอบยางหรือแก้มยางปริแตกทำให้ยางระเบิด ทั้งยังสิ้นเปลืองน้ำมัน

การเติมลมยางแข็งเกินไป ก็ไม่ดี เพราะจะทำให้กระด้าง ไม่มีความนุ่มนวล ยึดเกาะถนนได้ไม่ดี อาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน ส่วนอายุการใช้งานของยางรถยนต์ โดยปกติจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี ซึ่งต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น การชำรุดของดอกยาง ความเสื่อมของยาง

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

ลมยางไนโตรเจนเหลว กับ ลมยางธรรมดา ต่างกันไหม?

ข้อดีของการเติมลมยางไนโตรเจน จะทำให้อากาศภายในล้อเย็นกว่าลมยางปกติ เหมาะสำหรับวิ่งทางไกล แต่มีข้อเสียคือ มีราคาแพงกว่า ถ้าวิ่งไปต่างจังหวัดจะมีจุดเติมบริการเติมไนโตรเจนน้อยมาก แต่ในกรณีที่ฉุกเฉินจริงๆ สามารถเติมลมธรรมดาเข้าไปได้ ไม่ทำให้ยางระเบิด แต่จะทำให้ประสิทธิภาพด้อยลง ไม่ต่างจากการเติมลงธรรมดา

ทั้งนี้ หากอยากกลับไปเติมลมไนโตรเจนอีกครั้ง จะต้องดูดลมภายในล้อออกให้หมดก่อน จากนั้นค่อยอัดไนโตรเจนเหลวเข้าไปใหม่ ดังนั้น ใครจะเติมลมยางแบบไหน ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

...

การดูแลรักษายางรถยนต์

1. เช็กลมยางทุกครั้งก่อนใช้งาน

2. ตรวจสอบสภาพยางว่า มีสิ่งแปลกปลอม หรือไปเหยียบอะไรหรือไม่ เช่น มีตะปูตำล้อ หากไม่ได้ตรวจเช็กให้ดี เมื่อขับไปเรื่อยๆ นอกจากจะทำให้ยางแบนแล้ว ยังทำให้ล้อบดถนน จนกลายเป็นพังทั้งยางและล้อ

3. ใช้น้ำยา บำรุงยางรถ

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

สำหรับมือใหม่ที่ไม่แน่ใจว่า ลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไป เมื่อเติมลมยางทุกครั้งให้ลองกดยาง หรือสังเกตลักษณะของยางไว้ ครั้งต่อเมื่อต้องการใช้รถ หากยางมีความผิดปกติ หรือลมยางอ่อนลงก็จะรู้ได้ทันที

สาเหตุที่ทำให้ยางเสื่อมก่อนกำหนด

หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า ศัตรูที่ทำร้ายยางรถคันโปรดของคุณคือ การจอดรถอยู่กับที่เป็นเวลานาน ซึ่งลมยางที่เติมไว้จะค่อยๆ ซึมออก ทำให้ยางอ่อน บางครั้งยางแบนติดพื้น เมื่อยางถูกกดทับเป็นเวลานาน ขอบยางจะปริแตก แม้จะไม่ได้ใช้งาน ก็ทำให้ยางเสื่อมเร็วได้ อย่ามองข้ามยางอะไหล่

ข้อควรรู้ "ลมยางรถยนต์" เติมแค่ไหนดี สารพัดเรื่องล้อที่ไม่ควรมองข้าม

...

ส่วนใหญ่ "ยางอะไหล่" จะมาพร้อมกับรถยนต์อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือต่างๆ ติดมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นคู่มือรถ สายพ่วงแบตเตอรี่ สายลากจูง ขอแนะนำให้ทุกคนศึกษาข้อมูลทุกครั้ง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้มีสติ รวมไปถึงสามารถเปลี่ยนยางอะไหล่ได้ด้วย แต่ยางอะไหล่ที่มากับรถนั้น จะเป็นยางสเปกที่ทำให้รถพอวิ่งได้เท่านั้น เมื่อไปถึงร้านซ่อมแล้ว ควรเปลี่ยนเอายางอะไหล่ออก ใส่ยางสเปกปกติแทน

และสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม นอกจากเช็กยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อแล้ว ควรหมั่นเช็กยางอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ยังไงก็อุ่นใจกว่าแน่นอน.

ผู้เขียน : J. Mashare

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

อินโฟกราฟิก : Theerapong Chaiyatep