ภาพ : นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รอง ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานเปิดตัวแคมเปญ Chiang Mai, I miss you ที่พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา จ.เชียงใหม่.
ภายหลังรัฐบาลได้ออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายขึ้นในภาคกิจการท่องเที่ยว ทำให้หลายจังหวัดขานรับนโยบายเตรียมจัดสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รอง ผวจ.เชียงใหม่ และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ได้ร่วมประชุมหารือการดำเนินงานโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว หลังวิกฤติโควิด-19 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา
...
โดยให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ (New Normal) เน้นความปลอดภัยด้านสุขภาพและเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด (Travel Bubble) รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของเชียงใหม่
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า โครงการ “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วย แพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท และแพ็กเกจ “กำลังใจ” กรอบวงเงิน 2,400 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค.2563
แพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” เป็นการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการสนับสนุนค่าที่พักและค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) ในอัตราร้อยละ 40 ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืนในการเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับ E-Voucher คืนละ 600 บาท ใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการใช้จ่ายในอัตราร้อยละ 40
...
ส่วนสายการบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินบางส่วนในลักษณะการจ่ายคืน (Redeem) สำหรับผู้จองที่พักที่เดินทางโดยสายการบิน โดยผู้จองที่พักจะต้องดำเนินการจองและชำระค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเต็มจำนวนผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน
รัฐบาลจะจ่ายเงินคืนในอัตราร้อยละ 40 ของค่าบัตรโดยสาร แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่งเข้าสู่แอปพลิเคชันเป๋าตังของผู้จองที่พัก ภายหลังการเช็กเอาต์สามารถนำไปใช้จ่ายหรือถอนเงินสดได้โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา
แพ็กเกจ “กำลังใจ” เป็นการขอบคุณอสม., อสส. และ รพ.สต. ซึ่งเป็นผู้เสียสละในการทำงานอย่างหนักและเป็นผู้มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไม่เกินคนละ 2,000 บาท สำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืน โดยทั้งสองแพ็กเกจสามารถใช้สิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวปันสุข.ไทย และ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “www.เราเที่ยวด้วยกัน.com” ผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. สำหรับประชาชนทั่วไปเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. ส่วนแพ็กเกจ “กำลังใจ” ได้เปิดให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวลงทะเบียนผ่าน “www.เที่ยวปันสุข.ไทย” เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
...
สำหรับ อสม., อสส. และ รพ.สต. ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. และเดินทางท่องเที่ยวได้ในวันที่ 30 ก.ค.-31 ต.ค.2563 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เติบโตและทำให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องการประชุมในครั้งนี้ ททท. ยังได้มอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) แก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 250 ราย จาก 10 ประเภทกิจการ
...
สำหรับผู้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA ททท.จะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และหากพบว่าผู้ประกอบการไม่สามารถรักษามาตรฐาน SHA ททท.จะเพิกถอนตราสัญลักษณ์ และตัดรายชื่อออกจากฐานข้อมูล SHA
ทั้งนี้ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ช่วยตรวจสอบสถานประกอบการหรือกิจการที่ได้รับสัญลักษณ์ SHA อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นเสียงสะท้อน (Voice of Customers : VOC) จากการใช้บริการ
นอกจากนี้ นายยุทธศักดิ์ ยังได้เดินทางไปร่วมงานกิจกรรม “Visit Chiang Mai, I Miss You เปิดเมืองเชียงใหม่ให้คิดถึง” ที่พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา จ.เชียงใหม่
มีการจัดแสดงผลงาน 3 ด้าน คือ หัตถกรรมสร้างสรรค์, อาหารสุดล้ำ และ ภูมิปัญญาสุขภาพ รวมทั้งกิจกรรม “จิบชา ล้านนาสร้างสรรค์” มีการเล่าถึงความงามของเชียงใหม่ปัจจุบันและความร่วมมือของคนเมืองที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศจะทำให้ประเทศไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง.
ชัยพินธ์ ขัติยะ