สวัสดีท่านผู้ทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจ โดยเชื่อว่าหลายท่านตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และกำลังหาทางออก เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกหนี้รายหนึ่งครับ ต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่มีเงินสดเพียงพอ จึงตกลงทำสัญญาซื้อโทรศัพท์มือถือโดยขอผ่อนชำระเป็นงวดๆ ต่อมาค้างชำระค่าโทรศัพท์มือถือเป็นเงินจำนวน 27,000 บาท เจ้าหนี้จึงใช้สิทธิทางศาล ด้วยการยื่นฟ้องและศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้เป็นฝ่ายชนะคดีโดยลูกหนี้ขาดนัดพิจารณา มูลหนี้ตามคำพิพากษารวมดอกเบี้ยแล้ว ประมาณ 37,000 บาท กระทั่งมีการบังคับคดียึดที่ดินจำนวน 4 ไร่ ออกขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินเป็นเงินประมาณ 500,000 บาท สุดท้าย มีผู้ชนะการประมูล โดยเสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาด และโอนเป็นชื่อของผู้ซื้อรายใหม่เรียบร้อยแล้ว

ลูกหนี้รายนี้มาทราบภายหลังครับ จึงขอต่อรองซื้อที่ดินกลับคืนจากจากผู้ซื้อรายใหม่ แต่ผู้ซื้อรายใหม่เสนอขายที่ดินในราคาไร่ละ 400,000 บาท 4 ไร่ รวมเป็นเงิน 1,600,000 บาท ลูกหนี้รายนี้จึงร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งเอกสาร เพื่อเรียกให้ผู้ซื้อที่ดินมาเจรจาหาข้อยุติ

อุทาหรณ์จากข่าวนี้ อยากให้มองใน 2 มุมนะครับ ในมุมของเจ้าหนี้นั้น ก็อยากจะได้เงินคืน ไม่ว่าจะมีจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม ส่วนการใช้สิทธิทางศาล ก็ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดทุกประการแล้ว

ในมุมของลูกหนี้เองก็มองว่า มูลหนี้น้อยกว่า มูลค่าทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ไม่น่าจะยึดได้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มีกฎหมายที่กำหนดไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึด หรืออายัดทรัพย์สินเกินกว่ามูลหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 300 แต่บทบัญญัตินี้ก็มิใช่เป็นบทบัญญัติที่ตายตัวครับ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นแล้ว เจ้าหนี้ก็ยืนยันให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินรายการนี้ได้

...

ทางแก้ไขสำหรับเรื่องนี้ เมื่อลูกหนี้เห็นว่า การดำเนินการของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็สามารถยื่นคำร้อต่อศาล เพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ ของดการบังคับคดี ขอถอนการบังคับคดี ขอเพิกถอนหรือแก้ไขการบังคับคดีที่ผิดระเบียบ ขอเพิกถอนการขายทอดตลาด ฯลฯ แล้วแต่กรณี

การยื่นคำร้องขอเข้าไปในคดี ด้วยเหตุใดก็ตาม อย่างน้อยลูกหนี้ยังสามารถขอเจรจาชำระหนี้กับเจ้าหนี้ได้ แต่ทั้งนี้ ควรปรึกษาทนายความอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหตุที่จะดำเนินการยื่นคำร้องนั้น แต่ละเหตุมีระยะเวลาในการยื่นคำร้องค่อนข้างสั้น ดังนั้น จึงต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว

ตัวอย่าง เช่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 300 วรรคแรก เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ห้ามไม่ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่นซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องที่ได้มาจากการยึดหรืออายัดหลายรายเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี

มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ในกรณีที่ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสีย ในการบังคับคดี เห็นว่า ราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน มีจำนวนต่ำเกินสมควร และการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ในราคาต่ำเกินสมควร นั้น เกิดจากการคบคิดกัน ฉ้อฉล ในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าสู้ราคา หรือความไม่สุจริต หรือความประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง ของเจ้าพนักงานบังคับคดี ในการปฏิบัติหน้าที่ บุคคลดังกล่าว อาจยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้มีคำสั่ง เพิกถอน การขายทอดตลาดทรัพย์สิน

ประเด็นสำคัญที่ทำให้คดีนี้ยาก คือ ลูกหนี้รายนี้ไม่ทราบว่าตนเองถูกเจ้าหนี้ฟ้อง เนื่องจากลูกหนี้รายนี้มีทะเบียนบ้านอยู่ที่หนึ่ง แต่ไปทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง ส่วนคนที่อยู่ที่บ้านเป็นบิดา ก็อ่านหนังสือไม่ออก ไม่ได้แจ้งลูกหนี้ให้ทราบ จึงเป็นเหตุให้ลูกหนี้ไม่สามารถไปศาลตามกำหนดได้ จนกระทั่งมีผู้ซื้อทรัพย์ได้

สำหรับท่านใดที่มีทะเบียนบ้านอยู่ที่หนึ่ง แต่ตัวเองไปทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง หากมีเอกสารส่งมาถึงบ้าน คนที่รับเอกสารแทนควรรีบแจ้งทันที หากอ่านหนังสือไม่ออกก็ควรที่จะไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ที่มีความรู้ เพื่อให้ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร ของใคร โดยเฉพาะเอกสารที่มีตราครุฑ ส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารราชการ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้การแก้ไขปัญหาล่าช้าจนสายเกินแก้ครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย และต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com  ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK
Instagram: james.lk

...