โรคราน้ำค้าง
พืชใช้น้ำน้อยอีกชนิด ที่บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด แนะนำให้ปลูกในหน้าแล้งนี้ นั่นคือ...แฟง ใช้น้ำไร่ละ 551.2 ลบ.ม. ใช้เวลาปลูก 60-65 วัน เก็บเกี่ยวทำกำไรได้ไม่น้อยกว่าไร่ละ 36,000 บาท
ส่วนวิธีการปลูกที่ทำให้ได้ผลผลิตดี...ให้ปลูกห่างกัน 1 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 710 ต้น
ก่อนลงมือปลูกให้ปักค้างตามระยะปลูก จากนั้นหว่านปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 60 กรัม และปุ๋ยคอก 3 กก. คลุกเคล้ากับดินทุก 2 เมตร ...ปลูกได้ทั้งแบบเพาะกล้า และหยอดเมล็ด หากหยอดเมล็ดให้หยอดหลุมละ 2 เมล็ด ถ้างอกทั้ง 2 ต้น เมื่อต้นสูง 10 ซม. ให้ถอนแยกปลูก
หลังลงปลูกไปได้ 14 วัน ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ปริมาณ 10 กรัม ที่ปลายรากบริเวณโคนต้น ลึกประมาณ 2.5 ซม.
ครบ 28 วัน ใส่ปุ๋ยสูตรเดียวกันปริมาณเท่าเดิม เมื่อครบ 42 วัน เพิ่มปุ๋ย 15-15-15 เป็น 15 กรัม พร้อมกับเพิ่มปุ๋ยสูตร 13-13-21 ปริมาณ 15 กรัมเท่ากัน...เมื่อครบ 56 วันหลังลงปลูก ให้ใส่แต่ปุ๋ยสูตร 13-13-21
ทุก 14 วัน
ส่วนโรคแมลงที่ตามรังควาน...โรคที่พบ ราน้ำค้าง จะพบจุดสีเหลืองบนใบล่าง หรือจุดสี่เหลี่ยมกระจายระหว่างเส้นใบ ถ้าเป็นมากจะลามไปทั่วทั้งใบ วิธีป้องกันและควบคุม ฉีดพ่นด้วยสารกำจัดเชื้อรา ไซม็อกซานิล แมนโคเซบ คาร์เบนดาซิม ก่อนแฟงมีตาดอก 2-3 วัน และควรฉีดพ่นสลับสารเพื่อป้องกันการดื้อยา
โรคราแป้ง...บริเวณใบพบราสีขาวคล้ายแป้งคลุมอยู่เป็นหย่อมๆ มักพบในใบล่างก่อน ถ้ารุนแรงจะคลุมทั่วผิวใบ ค่อยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแห้งตายในที่สุด ป้องกันและควบคุมได้โดยใช้ ไธแรม เบโนมิล และ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์
เพลี้ยไฟ...ตามยอด ใบอ่อน ผลอ่อน มักพบเพลี้ยไฟตัวสีน้ำตาลแดง คอยดูดน้ำเลี้ยง ทำให้ใบม้วนหงิกงอ หรือเรียกกันว่า โรคยอดตั้ง กำจัดโดยใช้สารฆ่าแมลง ฟิโพรนิล คาร์โบซัลแฟน อะบาเม็กติน
...
เพลี้ยอ่อน...คอยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อนและยอดอ่อน ทำให้ใบม้วน ต้นแคระแกร็น กำจัดโดยฉีดพ่นสารจำพวก ไวท์ออยล์ หรือ พาราฟินิกออยล์.
สะ–เล–เต