นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย เผยว่า เศรษฐกิจการเกษตรของไทยในปี 2563 ยังคงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายด้าน ทั้งราคา ปริมาณการเพาะปลูก รวมถึงศักยภาพด้านการเกษตร พืชเศรษฐกิจหลักแทบทุกชนิด โดยเฉพาะข้าว อ้อย ยางพารา ยังคงต้องเจอปัญหาด้านราคา
ปี 2563 คาดว่า ภาคเกษตรจะยังฟื้นตัวไม่มากนัก จากปัจจัยด้านการแข่งขันในตลาดโลก ขณะเดียวกันก็จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยเฉพาะช่วงต้นปี ข้าวเป็นพืชที่น่าห่วงมากที่สุด ด้วยพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังคาดว่าจะลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำในระบบชลประทานไม่เพียงพอ กระทบไปถึงปัจจัยของตัวเกษตรกรเอง ที่มีปัญหาด้านหนี้สินและต้นทุนปัจจัยการผลิตอยู่แล้ว
...
“อีกปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อพืชเศรษฐกิจหลักของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือการแบนสารเคมีเกษตร โดยเฉพาะพาราควอต เนื่องจากเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญที่เกษตรกรจำเป็นต้องใช้ เมื่อเกษตรกรถูกรบกวนจากวัชพืชมากขึ้น ทางเลือกในการกำจัดวัชพืชต้องใช้ต้นทุนเพิ่ม ผลผลิตจะลดลง กำลังซื้อปัจจัยการผลิตต่างๆทั้งปุ๋ย ยา หรือแม้กระทั่งสารชีวภัณฑ์ก็ลดลง เมื่อผลผลิตลด เงินในกระเป๋าลด คุณภาพสินค้าลดตาม การส่งออกหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร จะกระทบอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ สุดท้ายกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั้งระบบ”
นายกองเอก เปล่งศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปีนี้ภาคเกษตรของไทย อาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง แต่ภาครัฐน่าจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรได้ เช่น ประกันรายได้ พักหนี้เกษตรกร หรือมาตรการอื่นๆที่จะตามมา
“ครึ่งปีแรกอาจไม่น่าห่วงนัก แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง พืชเศรษฐกิจหลักในภาคเกษตรน่าจะเดือดร้อนค่อนข้างมาก เพราะสิ้นสุดระยะผ่อนปรนการใช้พาราควอต ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐจะหาอะไรมาให้ใช้ทดแทนได้อย่างเหมาะสม โดยไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตมากนัก”.