“การซักซ้อมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยการจราจรการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่การต้อนรับผู้นำประเทศ รัฐมนตรี จัดสมเกียรติ ดูแลสถานที่ประชุม สถานที่พัก วางกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ทุกหน่วยที่ร่วมกันทำงานจะทำแบบ “มืออาชีพ” เตรียมรับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำงานแบบไม่ประมาท เพื่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของประเทศไทย ในสายตาชาวโลกและผู้นำประเทศที่เข้ามาร่วมประชุม”
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แสดงความเชื่อมั่นที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้รับผิดชอบงานด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ จ.นนทบุรี
เป็นการประชุมครั้งที่สำคัญในฐานะประธานอาเซียน ก่อนส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับเวียดนาม มีผู้นำอาเซียน ผู้นำประเทศคู่เจรจา 23 ประเทศ 5 องค์กร เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผู้อำนวยการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เลขาธิการอาเซียน และผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 3,000 คน
...
ขบวนรถผู้นำเข้าร่วมประชุม 20 ขบวน ขบวนระดับรัฐมนตรีอีก 30 ขบวน จะต้องเดินทางในพื้นที่ตั้งแต่ท่าอากาศยาน 3 แห่ง ไปโรงแรมที่พักผู้นำ 15 แห่ง ในพื้นที่เจริญกรุง พระราม 4 สาทร ราชประสงค์ เพลินจิต และสุขุมวิท ต่อเนื่องมายังสถานที่จัดการประชุมคือ ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เป็นงานหนักของรัฐบาลในการดูแลความปลอดภัยและการจราจร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร
ภารกิจสำคัญหนีไม่พ้นความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ขานรับนโยบายของรัฐบาล สั่งระดมกำลังตำรวจหลายหน่วยมาปฏิบัติภารกิจให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะทํางาน และ พล.ต.ท.ดำรง-ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ช่วยที่มีประสบการณ์ในการประชุมระดับประเทศกำกับดูแล
พล.ต.อ.สุวัฒน์ และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ใช้ ศปก.ตร.เป็นศูนย์กลางเป็นกองอำนวยการ ประสานงานการรับแจ้งเหตุ ข้อมูลและการติดตามผลกับ ศปก.สน. ทั้งโรงแรมที่พัก สถานที่ประชุม เส้นทางการจราจร
งานสืบสวน ให้ บช.ส.เป็นหน่วยหลักในการสืบสวนหาข่าว ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบและประสานข้อมูลด้านการข่าวกับ บช.น. และ บช.ภ.1 และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่จะมาก่อเหตุร้ายในประเทศไทย จัดชุดสืบสวนหาข่าวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศที่มาพักอาศัยในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจสอบและทำฐานข้อมูลกล้องวงจรปิดในพื้นที่โดยรอบ
งานป้องกันปราบปราม ให้ทุกหน่วยกำหนดแผนปิดล้อมตรวจค้น ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะเป้าหมายบุคคลที่ครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ยาเสพติด กำหนดมาตรการตรวจสถานที่สำคัญทางราชการ สถานที่เชิงสัญลักษณ์ สถานทูต สถานกงสุล สถานเอกอัครราชทูต โดยเฉพาะประเทศที่เข้าร่วมการประชุมหรือประเทศคู่ขัดแย้ง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ด่านความมั่นคง ในเส้นทางหลัก หรือเส้นทางสุ่มเสี่ยงที่อาจมีการลักลอบสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบ
เตรียมพร้อมหน่วยสนับสนุน ให้ รพ.ตร.จัดเตรียมทีมแพทย์และให้บริการรองรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.-5 พ.ย. มีเจ้าหน้าที่ให้บริการด้านการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง และเพียงพอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ชุดปฏิบัติการตรวจพิสูจน์ เก็บกู้ และทำลายวัตถุระเบิดที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ จัดเตรียมหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้งอรินทราช 26 นเรศวร 261 หน่วย Anti sniper ในจุดสูงข่ม
การจราจร จัดทำแผนรูปแบบขบวนรถ ซักซ้อมทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางสำรอง และเส้นทางฉุกเฉิน ประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนให้ร่วมมือร่วมใจเป็นเจ้าภาพที่ดี หลีกเลี่ยงเส้นทางเพื่อไม่สร้าง ปัญหาจราจร
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “เน้นงานด้านการข่าวนำการสืบสวน ประสานประชาคมข่าวของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สมช. หน่วยข่าวทหาร ตำรวจ เฝ้าฟังติดตามบุคคล กลุ่มเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง และจัดชุดต่อต้านการก่อการร้ายทหารและตำรวจร่วมกัน 4 เหล่าทัพเป็นหน่วยสนับสนุน ตำรวจจัดชุดอรินทราช 26 และนเรศวร 261 สถานที่จัดประชุมในพื้นที่ จ.นนทบุรี วางกำลังหลัก บช.ภ.1 โรงแรมที่พักในพื้นที่ กทม.ใช้กำลัง บช.น. พิธีการคนเข้าเมืองผู้นำประเทศ รัฐมนตรีมอบ วช.สตม.ต้อนรับให้สมเกียรติ และตรวจสอบบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงผลักดันออกนอกประเทศ ได้นำบทเรียนการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 มาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุด”
...
“ที่สำคัญขอพี่น้องคนไทยทุกคนให้ร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุม จะไม่ปิดกั้นโอกาสให้เข้ามา พี่น้องคนไทยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าบ้าน ดูแลต้อนรับผู้นำประเทศ รัฐมนตรีและผู้เข้าร่วมประชุมทุกประเทศ หากพบเห็นบุคคลเคลื่อนไหว ตัวป่วนการประชุมหรือสิ่งของต้องสงสัย แจ้งเบาะแสได้ที่ตำรวจ เพื่อให้การจัดประชุมครั้งสำคัญนี้ นำไปสู่ความเชื่อมั่นให้ประเทศไทย จัดงานสำคัญและจัดประชุมระดับโลกต่อไป”
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า “ตำรวจมีความพร้อมในการปฏิบัติการการดูแลความปลอดภัยและการจราจร ระดมกำลังตำรวจกว่า 17,000 นายมาปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะด้านการข่าวติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ประสานข้อมูลฝ่ายความมั่นคงให้พร้อมและมีประสิทธิภาพที่สุด มาตรการทุกอย่างของตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย ยึดหลักสิทธิมนุษยชน สิ่งที่อยากจะฝากพี่น้องประชาชนคือ มีความจำเป็นต้องปิดการจราจรในบางช่วง ถนนบางสาย ซึ่งรัฐบาลพิจารณาให้พื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมเป็นวันหยุดราชการ ขอให้พี่น้องประชาชนศึกษาเส้นทางหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ใช้ประชุม ยืนยัน มีความพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ยังปกติดี”
...
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งกำชับ ภารกิจนี้เป็นภารกิจที่สำคัญ โดย 10 ปี ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพ 1 ครั้ง ฝากย้ำในการดูแลความปลอดภัยทั้งเรื่องการจราจรและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รวมถึงพิธีการคนเข้าเมือง เพื่อให้เกิดความประทับใจกับผู้นำทุกประเทศที่มาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ขอความร่วมมือภาคเอกชนและประชาชนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา และแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ตำรวจรับทราบเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของ และยานพาหนะที่ผิดปกติและอาจทําให้เกิดความไม่ปลอดภัย ทําให้กระทบกับชื่อเสียงของประเทศชาติได้”
การจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับภารกิจบทบาทที่ตำรวจได้รับมอบหมาย ไม่เพียงแต่ความปลอดภัยและการจราจร ยังหมายถึงชื่อเสียง ความเชื่อมั่นให้กับทุกประเทศทั่วโลก พี่น้องคนไทยทุกคนต้องร่วมกันทำหน้าที่เจ้าบ้านจัดการประชุมครั้งสำคัญที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
เชื่อว่าประสบการณ์ ผบ.ตร. ที่มอบหมาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ จะสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้นำของประเทศที่เดินทางเข้าร่วมประชุม ได้เห็นถึงบทบาทของตำรวจในสายตาคนทั่วโลก
ได้เห็นถึงความเป็น “มืออาชีพ” ของตำรวจไทย.
ทีมข่าวอาชญากรรม