มีรายงานการพบ “กูปรี” ในไทยครั้งสุดท้าย บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก เมื่อปี 2525 เมื่อเปรียบกับสัตว์จำพวกวัวป่าด้วยกัน สถานการณ์ความอยู่รอดของกูปรี อยู่ในขั้นวิกฤติที่สุด

สาเหตุสำคัญ คือการถูกล่า และเป็นแหล่งอาศัยในเขตภาวะสงคราม

(หนังสือ อายุมงคลรำลึก พ.ศ.2561 งานมอบรางวัลนักเขียนบทความดีเด่น กองทุน ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล ขอบคุณ จิรนันท์ พิตรปรีชา ฝากมาให้)

คอลัมน์ “อายุมงคล-คุย” สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ พ.ศ.2525 เขียนวิจารณ์ข่าวนี้ ด้วยอารมณ์ครื้นเครง ตั้งชื่อข้อเขียนว่า “กูปรี มึงก็ปรี โคไพร ก็ปรี”

ที่ได้คำว่า “กูปรี” หรือ “คูปรี” มา คุณชายอายุบอกว่า เพราะฝรั่งเศสไปจำสำเนียงเขมร ที่อ่านว่า “โคเพรย” แล้วสะกดตามเสียงอ่าน อันขะแมร์เมืองเขมรนั้น ออกเสียงสระไอเป็นสระเอย

ถ้าที่นั่นมี “มีชัย” ก็เห็นจะต้องเรียกว่า “มีเชย”

แต่ที่น่ารักนั้น เห็นจะต้องเล่าว่า ช้างนั้น ขะแมร์เรียกว่า “ออมเปรีย” ก็ “ฮูมแปร๋” ยังไงละเจ้าคะ

นี่พูดถึงขะแมร์เมืองเขมร ขะแมร์สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ก็มี เขาออกเสียงว่า “ออมปราย”

“วัว” สมัยที่กูปรียังไม่ถูกเรียก “โคไพร” ยังเป็นเด็กฮาร์ดอยู่แถวดงพญาเย็น คนไทยออกเสียงว่า “งัว” ทั้งๆที่เขียนว่า “วัว” มาสมัยหลังโคไพรจะสูญพันธุ์ จนมีผู้ใหญ่ฮาร์ดตามล่าตามไล่ จึงออกเสียงว่า “วัว” ตามตัวเขียน

ส่วนลาวฟากขะโน้นที่เป็นคอมมูหน่อยไปแล้ว ไม่มีปัญหา เพราะแกเขียนว่า “งัว” เจ๋งๆตามเสียงอ่าน

เมื่อกล่าวถึงโค ก็ต้องกล่าวถึง “ฟาย” พี่น้องกัน เด็กฮาร์ดออกเสียงว่า “ฟาย” แต่ผู้ใหญ่ฮาร์ดท่านให้ออกเสียงว่า “ควาย” เด็กไม่ฮาร์ดจึงเรียกว่า “ควาย”

...

ภาษาราชการท่านให้เรียก “กระบือ” อันเป็นภาษาศรีวิชัยเป็นแม่นมั่น

แปลกแท้ไม่ยักเอาภาษาแขก ซึ่งเรียกน้องควายว่า “กาสร” ที่ว่าเป็นภาษาศรีวิชัย “กระบือน่ะ” ก็เพราะว่าสมัยนี้ยังใช้กันอยู่ทั่วถ้วนอาณาจักรศรีวิชัยเดิม เลยลงไปถึงสุมาตรา แต่ออกเสียงว่า “กระเบา”

มีชาวสุมาตราเผ่าหนึ่ง เรียกตนเองว่า “เมนังกระเบา” แปลว่า “คนควาย” ทั้งนี้มิใช่ด่าตนเองว่าโง่เหมือนวัวเหมือนควาย แต่เพราะให้เกียรติควาย

ตำนานมีอยู่ว่า ควายบ้านนี้โดนท้าชนริบบ้านริบเมืองกับควายบ้านอื่น ตัวโตประดุจรถถัง แต่ควายเมนังกระเบาก็ใช้เชาวน์กัดคุณศรีเจี๊ยวควายบ้านโน้น เอาชนะจนได้

กระนั้น เมนัง (คน) จึงให้เกียรติกระเบา (ควาย)

ส่วนเมืองไทย มีต้นไม้เรียกว่าต้นกระเบา แต่ออกดอกกลับเรียกว่า ดอกกาหลง ยังกับกาเหว่ามันแกล้งไข่ให้กา ฟ...เอ๊ย ให้กก

(ย้อนมาถึงชื่อกูปรี) “ปรี” นั้นไม่มีคำแปล นอกจากจะลองเล่นหน้าด้านจริงๆ ต่อเติมศัพท์เอาดื้อๆ “ปร.” ภาษาแขก แปลว่า อื่น ที่อื่น เช่นปรโลก แปลว่าเมืองผี ฉะนั้นปรี ก็น่าจะก่อการสยองให้แปลว่า ผู้มาจากที่อื่น

เช่น ผี เปรต อสุรกาย เทวดา มนุษย์ต่างดาว และนักการเมืองบางท่าน

ส่วนปรีดีนั้น ก็น่าจะหมายความว่า ตาดีมือแกแป เกิดมีดีอยู่ในที่ที่แกควรจะมีแด

เอ้า (กูปรี ที่ฝรั่งแผลงเป็น) โคไพร ก็อยากมีแดเดียว ไม่อยากมีสองแด โดยไม่ต้องมีลูกน้องอีตาหมออดีตมือปืน มาเที่ยวไล่จับโดยอ้างว่า กลัวจะสูญพันธุ์ ไล่จับกันจนโดนกับระเบิดอย่างนี้

ประเดี๋ยวโคไพรก็ต้องวิ่งหนี จนไม่มีเวลากินข้าวกินน้ำ แดวายสูญพันธุ์เอาจริงๆ

ผมอ่านประโยคท้าย ที่คุณชายอายุมงคล ตั้งใจจบแล้ว แล้วก็คิดว่าถ้าคุณชายอายุยังอยู่ ท่านคงมีชื่ออยู่ในทำเนียบปราชญ์ผู้รู้ทางภาษา ระดับเดียวกับที่พวกเราคิดถึง “จิตร ภูมิศักดิ์” กันนั่นเทียว.

กิเลน ประลองเชิง