ศ.ดร.พรงาม เดชเกรียงไกร ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากนโยบายการวิจัยที่มุ่งด้านการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับข้าว โดยเฉพาะกลุ่มข้าวพื้นเมือง จึงเริ่มศึกษารวบรวมข้อมูลข้าวสายพันธุ์ที่ไทยปลูก ไม่มีในต่างประเทศ หรือไม่สามารถปลูกได้ พบว่า ข้าวหอมมะลิแดง ปลูกในพื้นที่ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นกลุ่มข้าวสีจากธรรมชาติ ที่สามารถปลูกได้ในไทยแห่งเดียว

“แต่ละปีคนไทยสั่งนำเข้าเครื่องสำอาง เสียเงินหาซื้อสินค้าช่วยยับยั้งผิวหน้าไม่ให้เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา มีมูลค่าหลายล้านบาท ทีมวิจัยจึงศึกษาคุณประโยชน์ในจมูกและรำข้าวหอมมะลิแดง ในจมูกข้าวพบสารโปรแอนโทไซยานิดิน (PPC) และสารแกมมาโดไรซานอล สูงกว่าข้าวขาว 2-3 เท่า มีคุณสมบัติต้าน อนุมูลอิสระ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ (MMP-2) ที่ทำให้คอลลาเจนผิวถูกแสงแดดทำลาย ซึ่งสารดังกล่าวยังไปกระตุ้นการ สังเคราะห์ Hyarulonic acid (HA) ของผิวให้ขาวกระจ่าง”
ที่สำคัญสารสกัดในข้าวหอมมะลิแดง คุณประโยชน์เทียบเท่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นที่ไทยต้องสั่งนำเข้ามาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง

...

สำหรับกระบวนการสกัด ศ.ดร.พรงาม เผยถึงกระบวนการสกัดสารสำคัญดังกล่าว เริ่มจากนำข้าวหอมมะลิแดง 10 กก. มาคัดแยกได้จมูกข้าว 1 กก. จากนั้นนำไปสกัดสารสำคัญด้วยกระบวนการแบบเดียวกับการผลิตยา จึงมั่นใจถึงความปลอดภัยต่อผู้ใช้ จะได้สาร สำคัญ 100 กรัม ที่มีคุณสมบัติบำรุงเส้นใยอิลาสติก ปกป้องเติมคอลลาเจนช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก และเพื่อให้ใช้ง่ายจึงผลิตในรูปแบบเซรั่ม

จากการนำไปทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 30 ราย อายุ 25-35 ปี ที่ไม่ใช้เครื่องสำอางมาก่อน 1 เดือน พร้อมใช้เครื่องถ่ายภาพ 3 มิติ วัดสภาพผิวก่อนเข้าโครงการ และบันทึกความเปลี่ยนแปลงทุกๆ 14 วัน จนกระทั่งครบ 90 วัน พบว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ให้เซรั่มจมูกข้าวหอมมะลิแดงทาผิวเช้าเย็น ริ้วรอยร่องลึกลดลง ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินอันเป็นสาเหตุทำให้ผิวคล้ำ และยังเหมาะกับผู้ที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายอีกด้วย

จมูกข้าวหอมมะลิจึงเป็นอีกทางเลือกของวงการเครื่องสำอางไทย และจมูกข้าวหากไม่นำไปสกัดเอาสารสำคัญ ยังสามารถนำไปผสมในอาหารชงในเครื่องดื่ม เป็นอาหารเสริมในผู้สูงวัยได้ด้วย สนใจสอบถามได้ที่ 08-0999-1692.