สะเทือนใจคนทั้งประเทศ สำหรับกรณีครูถูกฟ้องยึดทรัพย์เพราะค้ำประกันเงิน กยศ.ให้นักเรียน!
เรื่องราวต่างๆถูกนำมาตีแผ่ เพราะ น.ส.วิภา บานเย็น หรือ ครูวิภา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยน้อย ต.แม่ลาด อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ถูกกรมบังคับคดียึดบ้านและที่ดิน หลังจากเป็นผู้เซ็นค้ำประกันเงินกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้ลูกศิษย์หลายสิบคนตั้งแต่ปี 2541
แต่หลังจากเรียนจบ มีงานมีการทำ หาเงินได้แล้ว กลับไม่ยอมคืนเงินกู้?
ทำมาหากินจากความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
ไม่ได้สนใจว่า จะต้องใช้หนี้สิน และที่สำคัญไม่ได้สนใจว่า ครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้จะได้รับความเดือดร้อนแค่ไหน?
ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า ถ้าครูวิภาไม่มีจิตสำนึกของความเป็นแม่พิมพ์ ของชาติ ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นครูบาอาจารย์สูง รับรองไม่กล้า เซ็นรับรองเงินกู้ให้ลูกศิษย์ถึง 60 คน จนทำให้ตัวเองเดือดร้อนแบบนี้
ไม่เชื่อลองถามนักเรียนบางคนที่ต้องการกู้เงิน กยศ. แล้วครูที่โรงเรียนไม่เซ็นค้ำประกันให้ก็แล้วกัน เพราะมันมีความเสี่ยงที่ตัวเองจะเดือดร้อน ถ้าเจอนักเรียนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้?
และเชื่อว่า เรื่องทำนองเดียวกันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับครูวิภาคนเดียว ยังมีครูอีกจำนวนมากที่ต้องตกเป็นลูกหนี้เพราะค้ำประกันเงินกู้ กยศ.ให้ลูกศิษย์
ผมเห็น นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่โดนใจ ระบุว่า การสืบทรัพย์เด็กให้สืบทรัพย์บิดามารดาด้วย เพราะการก่อหนี้ตั้งแต่เป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะทำนิติกรรมโดยที่บิดามารดาหรือผู้ปกครองไม่ยินยอมไม่ได้
กยศ.ควรเริ่มยึดทรัพย์เป็นลำดับจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองเสียก่อน จึงไปเอากับผู้ค้ำ จึงจะเป็นธรรม
...
ในอนาคตการทำสัญญาผู้ร่วมลงนามค้ำประกัน ต้องเอาบิดามารดา หรือผู้ปกครองมาร่วมค้ำประกันด้วย...
อ่านแล้วมันเข้ากับพฤติกรรมของเจ้าหนี้สมัยนี้ ที่เอะอะอะไร ตามเอาผิดคนค้ำประกันไว้ก่อน ไม่สนใจติดตามลูกหนี้ตัวจริงเลยด้วยซ้ำ?
ทำงานชุ่ยๆง่ายๆแบบนี้ ดูแล้วมันยุติธรรมหรือ?
สหบาท