วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่องไม่สบายของ คนกรุงเทพมหานคร กันสักวันนะครับ มีข่าวจาก กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า มลพิษ ในอากาศกรุงเทพฯอยู่ในขั้นอันตรายเกินมาตรฐาน ถ้าหายใจฝุ่นพิษเข้าไปสะสมในปอดมากๆ จะป่วยเป็น “โรคมะเร็ง” จึงไม่น่าแปลกใจที่ คนไทยตายด้วยโรคมะเร็งมากเป็นอันดับ 1 ทุกปี และ มีผู้ป่วยมะเร็งใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 120,000 คน ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ถ้านับถึงวันนี้คงมีผู้ป่วยมะเร็งใหม่เพิ่มขึ้นเกินกว่าปีละ 120,000 คนแล้ว
เรื่อง มลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ เป็นที่รู้กันมานานแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไข ก็อยู่กันไปตามประสา “รัฐบาลแบบไทยๆ หรือไทยนิยม” ที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก
พุธที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตรวจพบอากาศในกรุงเทพฯมีฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานในทุกพื้นที่ ถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะฝุ่นละอองขนาดเล็กพีเอ็ม 2.5 สามารถผ่านระบบทางเดินหายใจเข้าไป ถึงถุงลมปอดได้ ถ้าสะสมมากๆ จะทำให้เกิดอาการอักเสบได้ ลาม ไปถึงการแลกเปลี่ยนก๊าซภายในร่างกายเกิดความลำบาก ทำให้ถุงลมไม่สามารถทำงานได้
ฝุ่นมลพิษเหล่านี้ ยังมีสารเคมีและก๊าซบางอย่างเกาะติดเข้าไปด้วย โดยเฉพาะ สาร PAH หรือ สารก่อมะเร็ง ถ้าฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 นำสารเหล่านี้เข้าไปในร่างกายและสู่ปอด อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ และ ยังส่งผลไปถึงระบบกระแสเลือดในร่างกาย อาจทำให้ เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตันได้
ฟังแล้วสยองครับ สภาพอากาศในกรุงเทพฯปัจจุบัน มีแต่แย่ลงไปเรื่อยๆ จะหวังให้ กทม. และ รัฐบาล แก้ไข คงหวังยาก ถือเสียว่าเป็นกรรมของคนไทยก็แล้วกัน
นางสุณี ปิยะพันธ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ก็ออกมาคอนเฟิร์มว่า สถานการณ์มลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯและปริมณฑลวันที่ 24 มกราคม ตรวจพบฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานในทุกพื้นที่ โดยเกินถึง 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 54-85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงสุดที่ ถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี ที่ สมุทรปราการ 59-71 ไมโครกรัม สมุทรสาคร 114 ไมโครกรัม แต่ผลการตรวจวัดฝุ่นละอองพีเอ็ม 10 ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน อยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
...
ปลายปีที่แล้ว สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น จัดให้ กรุงเทพมหานคร เป็น เมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาเที่ยวมากที่สุดอันดับ 1 จาก 132 เมือง และยังได้รับการจัดอันดับจาก ทอมทอม บริษัทผลิตอุปกรณ์จีพีเอสให้ กรุงเทพฯเป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลกอันดับ 1 จาก 390 เมือง ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ก็ไม่รู้ว่าจะภูมิใจหรือเสียใจ
เมื่อปี 2559 อินริกซ์ บริษัทวิเคราะห์สภาพการจราจรทั่วโลก ก็ประกาศผลการวิเคราะห์ให้ ประเทศไทย เป็น ประเทศที่มีรถติดมากที่สุดอันดับ 1 ในโลก ไม่ใช่รถติดมากแค่กรุงเทพฯ แต่รถติดมากระดับประเทศไปเลย ทำให้คนไทยในแต่ละเมืองทั่วประเทศ ต้องแกร่วอยู่ในรถ เสียเวลาอยู่บนท้องถนนเฉลี่ยปีละ 61 ชั่วโมง หรือ 2.54 วัน
ปีที่แล้ว 2560 อูเบอร์ประเทศไทย ก็เปิดเผยผลการวิจัยยกให้ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีปัญหาการจราจรและที่จอดรถมากที่สุดในภูมิภาค อาเซียน โดย กรุงเทพฯ นำเป็นอันดับ 1 รองมาคือ กรุงจาการ์ตา และ กรุงมะนิลา ผลจากรถติดวินาศสันตะโร ทำให้คนกรุงเทพฯต้องสูญเสียโอกาสและต้นทุนทางธุรกิจปีละ 910,600 ล้านบาท
หรือ เฉลี่ย 157,000 บาทต่อคันต่อปี ส่งผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศ 2–5% และยัง ทำให้คนเมืองเสียเวลาอยู่บนท้องถนนมากกว่าวันละ 1.30 ชั่วโมง
นี่คือ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ของเรา ผมก็ได้แต่หวังว่า กรุงเทพฯ ของเราจะไม่คว้าตำแหน่ง เมืองหลวงที่มีมลพิษอันดับ 1 ของโลก จะมาครองอีกตำแหน่งในอนาคต.
“ลม เปลี่ยนทิศ”