ปัจจุบันคนไทยนิยมใช้ซอสหอยนางรมปรุงอาหารมากขึ้น แต่ละปีภาคอุตสาหกรรมต้องนำเข้าวัตถุดิบหอยนางรมจากต่างประเทศจำนวนมาก เนื่องจากเกษตรกรเพาะเลี้ยงหอยนางรมได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ

เพราะหอยนางรมที่เพาะเลี้ยงได้ส่วนหนึ่งมีไว้ป้อนตลาดบริโภคสด ส่วนการจับจากแหล่งธรรมชาติ คุณภาพไม่ได้ตามที่ต้องการ และอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารเคมีจากท้องทะเล เพื่อตอบสนองความต้องการใช้หอยนางรมมาทำซอส...จึงต้องมองทางเลือกอื่นมาทดแทน

“บ้านเรามีหอยหลายชนิด แต่หอยขมปัจจุบันเกษตรกรหลายหมู่บ้านหันมาเลี้ยงกันมากขึ้นและข้อมูลที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ศึกษาไว้ หอยขมมีสรรพคุณแก้กระษัยปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้ริดสีดวงทวาร รักษาอาการอยู่ไฟไม่ได้ แก้โรคกระเพาะอาหาร และสรรพคุณต่างๆอีกมากมาย

คุณค่าทางโภชนาการ โปรตีน 12% คาร์โบไฮเดรต 4% ไขมัน 2% มีคอเลสเทอรอลต่ำเพียง 50 มิลลิกรัม/100 กรัม ในขณะที่หอยนางรมมีคอเลสเทอรอลสูงมากถึง 350 มิลลิกรัม/100 กรัม”

อ.ณัฐชรัฐ แพกุล คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เผยถึงที่มาของการนำหอยขมมาทดแทนหอยนางรมเพื่อทำซอสปรุงอาหาร เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค และเพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยขม โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้การสนับสนุนเพื่อต่อยอดงานวิจัย

...

กระบวนการแปรรูป ...เริ่มจากนำเนื้อหอยขม 3 กก. มาแกะเอาเฉพาะเนื้อล้วนๆ จะได้ 1 กก. ล้างทำความสะอาด นำมาบด จากนั้นนำมาเคี่ยวกับส่วนผสมต่างๆด้วยไฟอ่อน กระทั่งเนื้อหอยเริ่มเป็นเนื้อเดียวกัน มีความหนืด แล้วนำมากรองจะได้ซอสหอยขมเข้มข้น สีธรรมชาติน้ำตาลอ่อน 3,150 กรัม บรรจุขวดละ 350 กรัม ได้ 9 ขวด

และเมื่อนำซอสหอยขมที่ผลิตได้ ไปทดสอบเทียบเคียงกับซอสหอยนางรม ในกลุ่มอาสาสมัคร 100 คน โดยไม่เปิดเผยให้รู้ว่าอาหารจานไหนใช้ซอสหอยอะไรปรุงอาหาร...ผลการทดสอบปรากฏว่า กลุ่มอาสาสมัครไม่สามารถแยกได้ว่าเมนูใดใช้ซอสหอยขมเป็นส่วนผสม

จากหอยขมทั้งเปลือกราคา 45-60 บาทต่อ กก. หลังนำมาแปรรูปทำซอสหอยขมขายได้ 105 บาท...เกษตรกรเพาะเลี้ยงหอยขม สนใจติดต่อสอบถามได้ที่08-9252-1300.


เพ็ญพิชญา เตียว