หลายคนคงเคยสงสัยว่า เหตุใดเกาหลีเหนือจึงแสดงความเป็นปฏิปักษ์ชิงชังต่อสหรัฐอเมริกามากเป็นพิเศษ ถึงขั้นมีการสอบเด็กๆ ในโรงเรียนให้เกลียดชาวอเมริกัน รัฐบาลผลิตโฆษณาชวนเชื่อในระดับอุตสาหกรรม เพื่อปลุกประแสต่อต้านอเมริกาอย่างไม่เคยขาด

ต้นตอแห่งความเกลียดชัง

เบลน ฮาร์เดน จากสำนักข่าววอชิงตัน โพสต์ ซึ่งติดตามสถานการณ์ในเกาหลีเหนือมาอย่างยาวนาน ระบุว่า ความเกลียดชังนี้ มีต้นตอมาจากเรื่องเล่าที่มีพื้นฐานจากความจริงเรื่องหนึ่ง เรื่องราวที่ชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอาจลืมไปแล้ว แต่ชาวเกาหลีเหนือยังจำได้ไม่มีวันลืม เป็นเรื่องราวของ ‘สงครามเกาหลี

สงครามที่ถูกลืมครั้งนี้ เกิดขึ้นในยุคระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กับสงครามเวียดนาม เป็นสงครามร้อนครั้งแรกที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียต กินระยะเวลากว่า 3 ปี ระหว่างปี 1950-1953 แต่เวลาพูดถึงความโหดร้ายและความบ้าคลั่งของรัฐบาลเปียงยางทีไร เรื่องนี้กลับไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเลย ทั้งที่สงครามนี้ยังไม่จบลงเสียด้วยซ้ำไป เพียงแค่ถูกระงับด้วยข้อตกลงสงบศึก ไม่ใช่ข้อตกลงสันติภาพ ขณะที่การออกไปยุ่งกับเหตุความขัดแย้งในประเทศต่างๆ ของสหรัฐฯ ก็อาจยิ่งประทับภาพลักษณ์การเป็นผู้ประทำของสหรัฐฯ ในมุมมองของชาวเกาหลีเหนือในฝังลึกลงไปอีก

...

หลายคนคงรู้ว่าในสงครามเกาหลี เป็นเกาหลีเหนือที่เริ่มต้นสงครามก่อนในปี 1950 ไม่ใช่สหรัฐฯ หรือเกาหลีใต้ พวกเขาภายใต้ความช่วยเหลือของจีนและโซเวียตบุกข้ามเส้นแบ่งเขตที่ 38 และหมายโค่นล้มรัฐบาลเกาหลีใต้ และยึดดินแดนได้เกือบหมดภายใน 2 เดือน จนกระทั่งสหรัฐฯ และสหปรชาชาติ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเกาหลีใต้จนสามารถขับไล่เกาหลีเหนือไปได้ และทำข้อตกลงสงบศึกกัน โดยต่างฝ่ายต่างสูญเสียไพร่พลเรือนแสน แล้วสหรัฐฯ ไปทำอะไรให้เกาหลีเหนือแค้นเคืองหนักหนา? ในสงครามที่สหรัฐฯ เรียกว่า ‘สงครามน้อย’ ครั้งนี้

สงครามน้อยที่ไม่น้อยเหมือนชื่อ

บรูซ คัมมิง นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโก ระบุในหนังสือ ‘The Korean War: A History’ ของเขาว่า “สิ่งที่ชาวอเมริกันแทบไม่เคยรู้หรือจำได้คือ เราปูพรมถล่มเกาหลีเหนือเป็นเวลา 3 ปี โดยแทบไม่สนความเป็นความตายของพลเรือนเลย” มีใครรู้บ้างว่า เครื่องบินรบสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดใส่เกาหลีเหนือมากถึง 635,000 ตัน ระเบิดความร้อนสูงหรือ นาปาล์ม อีก 32,557 ตัน มากกว่าระเบิดทั้งหมด (503,000 ตัน) ที่สหรัฐฯ ใช้ในปฏิบัติการแปซิฟิกเพื่อต่อสู้กับประเทศญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก

รู้หรือไม่ว่าในช่วง 3 ปีของสงคราม สหรัฐฯ สังหารชาวเกาหลีเหนือไปมากเท่าใด พลอากาศเอก เคอร์ติส เลอเมย์ หัวหน้ากองบัญชาการยุทธศาสตร์ทางอากาศของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเกาหลีเปิดเผยว่า สหรัฐฯ สังหารชาวเกาหลีเหนือไป 20% ของประชากรทั้งหมด ... นั่นเป็นอัตราเดียวกันกับประชากรชาวโปแลนด์ที่ถูกองทัพนาซีสังหารก่อนเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ทีเดียว เลอเมย์ยังสารภาพด้วยว่า พวกเขาไปที่นั่นเพื่อทำสงคราม และในท้ายที่สุดก็ทำลายเมืองทุกแห่งในเกาหลีเหนือ ... ในปัจจุบันเชื่อกันว่า มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตในสงครามเกาหลีมีมากกว่า 3 ล้านคน เกือบทั้งหมดเป็นชาวเกาหลีเหนือ

ขณะที่นายวิลเลียม โอ. ดักลาส อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ เคยเดินทางไปยังเกาหลีเหนือในช่วงฤดูร้อนของปี 1952 และต้องตกตะลึงกับสภาพของเมืองที่เขาอธิบายว่า “ยากแค้น, เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ, ความเจ็บปวด, ความทุกทรมาน, ความหิวโหย ที่เกิดจากการโจมตีทางอากาศของเครื่องบินรบสหรัฐฯ” “ผมเคยเห็นเมืองที่ถูกทำลายเพราะสงครามมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นการทำลายล้างย่อยยับ จนกระทั่งได้เห็นเกาหลีเหนือ”

เกาหลีเหนืออาจจะย่อยยับยิ่งกว่าที่ดักลาสอธิบาย หากแผนการสุดโต่งที่ต้องการยุติสงครามเกาหลีภายในเวลา 10 วันของพลเอก ดักลาส แมคอาร์เธอร์ ผู้นำกองบัญชาการกองทัพสหประชาชาติในยุคนั้น ถูกนำไปใช้ เพราะเขาเสนอให้ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เกาหลีเหนือสัก 30-50 ลูก

...

การฆาตกรรมหมู่ในสงครามเกาหลี

ความโหดร้ายของสงครามเกาหลียังไม่หมดเพียงเท่านี้ มีใครเคยได้ยินเรื่อง การฆาตกรรมหมู่ที่ โน กึน รี หรือไม่? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือนก.ค. 1950 ผู้อพยพชาวเกาหลี 250-300 คนถูกอยู่ที่สะพานทางรถไฟใกล้หมู่บ้านโน กึน รี ถูกสังหารโดยเครื่องบินรบ และสมาชิกหน่วยทหารม้าที่ 7 ของสหรัฐฯ ความจริงของเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยออกมาในปี 1999 หลังจากสำนักข่าว เอพี ได้ไปสัมภาษณ์ทหารอเมริกันเกษียณอายุหลายสิบคนที่จำได้ว่าในตอนนั้น ผู้บังคับบัญชาของพวกเขาสั่งให้พวกเขาสังหารประชาชนให้หมดอย่างไร

นอกจากนี้ยังมี การฆาตกรรมหมู่กลุ่มสันนิบาต โบโด หรือ โบโด ลีก ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้สนับสนุนคอมมิวนิสต์ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยในปี 1950 สมาชิกของโบโด ลีก รวมทั้งผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกจำนวนระหว่าง 100,000-200,000 คน ถูกประหารชีวิตตามคำสั่งของประธานาธิบดี อี ซึง-มัน แห่งเกาหลีใต้ ผู้มีแนวคิดต่อต้านคอมมิวนิสต์ และได้รับการแต่งตั้งโดยสหรัฐฯ

คนเจ็บยังฝังใจ แต่คนทำกลับลืมเลือน

...

ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จำไม่ได้หรือไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสงครามเกาหลีและสงครามอื่นๆ แต่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการรัฐประหาร, การรุกราน และการทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ยังคงจดจำ ไม่ว่าจะเป็นชาวอิหร่าน, คิวบา, ชิลี และแน่นอนว่า ชาวเกาหลีเหนือก็เช่นกัน โดยนาย ชาร์ลส์ อาร์มสตรอง นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุในหนังสือของเขาว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ได้ทิ้งความเจ็บปวดไว้ในใจของชาวเกาลหลีเหนืออย่างลึกล้ำมากกว่าปัจจัยใดๆ และทำให้พวกเขาเกลียดกลัวภัยคุมคามจากต่างชาติ

สุดท้ายนี้ จริงอยู่ว่าในช่วงสงครามเกาหลี เกาหลีเหนือไม่ถึงกับเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว และก็รับประกันไม่ได้ว่า หากสหรัฐฯ ไม่ไปปูพรมถล่มเกาหลีเหนือในวันนั้น รัฐบาลคิมจะไม่ปกครองอย่างเผด็จการและโหดร้ายแบบทุกวันนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เกาหลีเหนือบอบช้ำจากสงครามครั้งนี้มาก และความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ก็ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้เหมือนในอดีต ต่างกันตรงที่ พวกเขากำลังพยายามไขว่คว้าแสนยานุภาพทางทหารมาไว้ในกำมือไม่ให้ต้องเป็นรองใครอีกต่อไป