สถานีโทรทัศน์เอสบีเอส ออกโรงปกป้องรายการเรียลลิตี้ของทางสถานี โดนวิพากษ์วิจารณ์หนัก พาผู้ร่วมรายการ ‘ตามรอยการเดินทางของผู้ลี้ภัย’ ในซีเรีย ไปเสี่ยงตายเกินไป จนถูกยิงโดยกลุ่มไอซิส และผู้ร่วมรายการต้องหลบเข้าหาที่กำบัง

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.58 สื่อต่างประเทศรายงาน รายการเรียลลิตี้ของสถานีโทรทัศน์ เอสบีเอสในออสเตรเลีย (Australian public broadcaster SBS) กำลังโดนวิพากษณ์วิจารณ์จากสังคม หลังจากได้พาผู้ร่วมรายการ 6 คน เสี่ยงตายไปถ่ายทำรายการสารคดี แบบเรียลลิตี้ ‘ตามรอยการเดินทางของผู้ลี้ภัย’ ในประเทศซีเรีย จนโดนกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่หัวรุนแรง ติดอาวุธ ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิส ที่เคลื่อนไหวอยู่ในซีเรียและอิรัก ยิงโจมตี และทางสถานีโทรทัศน์​เอสบีเอสได้นำรายการดังกล่าวมาออกอากาศเป็นตอนแรก เมื่อเย็นวันอังคารที่ 28 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่นนั้น

ข่าวแจ้งว่า ทางสถานีโทรทัศน์เอสบีเอสได้ออกมาปกป้อง รายการเรียลลิตี้ดังกล่าวว่า การพาผู้ร่วมรายการเข้าไปในซีเรียนั้น ได้รับการคุ้มกันความปลอดภัยโดยทหารชาวเคิร์ดในซีเรีย ที่กำลังปกป้องหมู่บ้านแห่งหนึ่งจากการถูกคุกคามจากกลุ่มไอซิส และผู้ร่วมรายการได้เข้าไปในพื้นที่แนวหน้า ขณะที่ทหารชาวเคิร์ดมีการยิงปะทะกับกลุ่มไอซิสอยู่ใกล้ๆ

สถานีโทรทัศน์เอสบีเอส ยืนยันว่า ความปลอดภัยของผู้ร่วมรายการและทีมงานของทางสถานีโทรทัศน์ ถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ‘ขณะมีการบันทึกรายการอยู่นั้น สถานการณ์ที่ผู้ร่วมรายการโดนยิงจากกลุ่มไอซิส ไม่ได้อยู่ในแผน’ แถลงการณ์จากสถานีโทรทัศน์เอสบีเอส

อย่างไรก็ตาม นายจัสติน โบว์เดน อดีตนายทหาร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของรายการ กล่าวกับนักข่าว นสพ.ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ หลังได้ดูเทปรายการว่า ผู้ร่วมรายการชาวออสเตรเลีย 3 คนควรสวมหมวกเหล็กเพื่อความปลอดภัยด้วย นอกเหนือจากการสวมเสื้อเกราะกันกระสุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

...

สำหรับ รายการเรียลลิตี้ ‘ตามรอยการเดินทางของผู้ลี้ภัย’ นี้ มี 3 ตอนคือการพาผู้ร่วมรายการเดินทางไปยังซีเรีย กรุงแบกแดด เมืองหลวงอิรักและประเทศเมียนมา โดยถือเป็นการจัดรายการรูปแบบนี้ เป็นซีซั่นที่ 3 แล้ว โดยรายการดังกล่าวเคยได้รับรางวัลเอมมี (Ammy) ประเภทสารคดีแบบไม่มีการเขียนบท เมื่อปี 2556 จากการพาผู้ร่วมรายการไปถ่ายทำรายการในอัฟกานิสถาน, โซมาเลีย และอินโดนีเซีย

ขณะที่ น.ส.คิม วูกา หนึ่งในผู้ร่วมรายการที่เดินทางไปซีเรีย และเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านผู้ลี้ภัย กล่าวว่า มีบางช่วงที่เลวร้ายที่สุด คือ การกำลังเข้าไปใกล้แนวหน้า ซึ่งพวกเราไม่รู้ว่าจะมีกระสุนถูกยิงมาโดนพวกเราหรือไม่ พวกเราถูกบอกให้ฟังเสียงทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในอากาศ และนั่นหมายถึง เสียงกระสุนปืน ค.ด้วย

ด้าน นายไมเคิล คอร์เดลล์ โปรดิวเซอร์รายการ กล่าวว่า ทีมผู้ผลิตรายการพยายามจะพาผู้ร่วมรายการไปใช้ชีวิตจริงๆ เหมือนกับชาวซีเรีย และได้เผชิญหน้ากับปัญหา โดยพวกเราหวังว่ามันจะเป็นการเสริมสร้างให้เกิดความมีเหตุผลและการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ขณะที่สหประชาชาติได้แจ้งเมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียเป็นเหตุให้มีชาวซีเรียอพยพหนีภัยสงครามแล้วกว่า 4 ล้านคน จนถือเป็นการอพยพของผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่สุดจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในคนรุ่นเดียว

ชมคลิป ที่นี่