ผู้ใหญ่หลายท่านที่ผมรู้จัก หยุดการใช้จ่ายเงินเด็ดขาด แม้แต่วางมัดจำซื้อที่ดินเพื่อทำธุรกิจไปแล้ว ก็ยอมเสียมัดจำ ท่านทำนายทายทักว่า สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ไม่มีทางที่เศรษฐกิจจะเดินต่อไปได้ ก่อนหน้าที่ยังไม่มีสถานการณ์การเมืองเลวร้าย ยังมีการสนทนากันว่า ประเทศไทยโชคดีที่เค้กก้อนใหญ่จะขยายให้พวกเราทั้ง 67 ล้านคน ได้บริโภคเพิ่มขึ้นจากการเข้าประชาคมอาเซียนปลาย พ.ศ.2558 แต่ขณะนี้ ฝันนั้นพลันสลายหายไปหมดแล้วครับ และกลับมีเรื่องน่าตระหนกตกใจเข้ามาทำลายฝันของคนไทยทั้งชาติแทน

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พุ่งกระฉูดส่งตูดจัมโบ้ติดต่อกันนานหลายปี เรารวยขึ้นเพราะความรุ่งเรืองของจีนกับอินเดียที่อยู่ทางตะวันตกและตะวันออกของประชาคมอาเซียน ทว่าวันนี้ จีนออกอาการซวนเซเงโงนแล้วครับ จากประเทศที่เป็นเจ้าหนี้ กลับกลายเป็นประเทศลูกหนี้ที่มีจำนวนหนี้ทวีสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

พ.ศ.2551 จีนมีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีอยู่ที่ 125% มาถึงวันนี้ สัดส่วนหนี้ของจีนทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลท้องถิ่นกลับขยับมาที่ 215% ต่อจีดีพี

พ.ศ.2551-2552 รัฐบาลจีนมีนโยบายขยายสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้การกู้เงินง่ายขึ้นอย่างมาก เมื่อกู้ง่าย ทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลท้องถิ่นก็แห่กู้กันใหญ่ เมื่อมีหนี้เสียเกิดมากขึ้น รัฐบาลจีนก็กลับมาเข้มงวดกวดขันเรื่องการปล่อยเงินกู้จากสถาบันการเงินในระบบ

แต่รัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทเอกชนที่เริ่มโครงการไปแล้ว ต้องการเงินมาให้การก่อสร้างและธุรกิจของตนเดินต่อ เมื่อหาสินเชื่อในระบบไม่ได้ ก็ต้องไปขอกู้เงินนอกระบบ ซึ่งเป็นเงินที่ไม่ได้อยู่ในระบบธนาคารตามปกติ การกู้เงินนอกระบบง่ายกว่า เพราะไม่มีกติกากฎเกณฑ์อะไรมาก เมื่อกิจการด้านเงินกู้นอกระบบให้กำไรดี คนจีนที่มีสตางค์ก็เอาเงินไปใส่ในสถาบันการเงินนอกระบบ ในช่วงระหว่าง พ.ศ.2553–2556 พวกบริษัททรัสต์อะไรพวกนี้ในประเทศจีนจึงมาแรงมาก

...

แต่ผู้อ่านท่านครับ ตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินนอกระบบหรือธนาคารเงา มักจะเป็นตราสารระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง อายุไถ่ถอนประมาณ 3 เดือน ถึง 3 ปี คนกู้ไปแล้วก็ต้องมาทำเรื่องขอกู้ใหม่เพื่อยืดอายุหนี้อยู่ตลอดเวลา อันนี้นี่แหละครับ ทำให้เกิดความเสี่ยงจากการไหลออกของเงินทุนพร้อมกันอย่างฉับพลัน ตราสารที่อายุไถ่ถอนสั้นอย่างนี้นี่แหละครับ มีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้สูง คุณภาพสินเชื่อก็ไม่ดี เพราะไม่มีการเข้มงวดตรวจตราเหมือนธนาคารในระบบ

ใครจะเชื่อครับ ว่าปัจจุบันทุกวันนี้ หนี้ที่เกิดจากสถาบันการเงินนอกระบบของจีนมีสูงถึง 40% ของจีดีพี ตอนนี้ก็มีการวิเคราะห์และทราบผลค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ประมาณ 10-15% ของหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงินนอกระบบของจีน จะเป็นหนี้เสียของแท้แน่นอน

ท่านที่ติดตามถามข่าวเศรษฐกิจของจีน จะพบว่าตอนนี้ บริษัทจีนเริ่มทยอยเจ๊งกันเป็นแถวแนวยาว ครบเดือนแล้วนะครับ ที่บริษัทมหาชนแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ประกาศว่า ตนคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไม่ได้ เพราะขาดทุนมโหฬารบานเบอะเยอะแยะ สถานการณ์อย่างนี้เป็นโดมิโน่ครับ เมื่อตัวแรกล้ม ก็จะกระทบทำให้ตัวอื่นล้มตามลามระเนระนาด ผู้อ่านท่านยังคงจำวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐอเมริกาได้นะครับ ที่ล้มลามปามตามกันไปทั้งโลก

สถานการณ์การเมืองไทยทำให้เศรษฐกิจไทยจมน้ำ ในขณะที่เรากำลังจะตาย ก็ดันมีเท้าใครไม่รู้ มาถีบหัวเราเข้าที่ศีรษะ ทำให้เราจมลงไปไวยิ่งขึ้น ปัญหาหนี้เสียของจีนนี่แหละครับ คือเท้าที่มาถีบเรา ประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกที่มีจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 12% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ถ้าจีนเป็นอะไรไป ผู้อ่านท่านเอ๋ย เราทั้งหลาย ทั้งปวง ทั้งยวง ทั้งประเทศ จะมีประสบการณ์ด้านอยู่ในนรกของแท้เป็นครั้งแรก วิกฤติเศรษฐกิจที่เราชาวไทยทั้งชาติเผชิญเมื่อ พ.ศ.2540 จะกลายเป็นนรกขุมเบบี้ไปทันที เมื่อเปรียบกับกรณีที่จีนจะล้ม

ตอนนี้ รัฐบาลจีนเริ่มเข้าควบคุมการขยายสินเชื่ออย่างเข้มงวดตรวจตราแล้ว และก็มีข่าวล่ามาเร็วว่า รัฐบาลจีนจะปล่อยให้บริษัทจีนที่ผิดนัดชำระหนี้ล้ม โดยไม่เข้าไปช่วยเหลือเกื้อกูลเหมือนอย่างที่รัฐบาลอเมริกันช่วยบริษัทอเมริกันในวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์

เอ้า คนไทยมัวแต่ประท้วงกันเย้วๆ โดยหารู้ไม่ว่า....

นรกของแท้กำลังรออยู่ข้างหน้าแล้ว.

 

คุณนิติ นวรัตน์