ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ เรียกร้อง ส.ว.อย่าเพิ่งเสนอมาตรการคว่ำบาตร"อิหร่าน"เพิ่มขึ้น หวั่น กระทบการเจรจาข้อตกลง เรื่องนิวเคลียร์ ระหว่างชาติ กลุ่มพี 5+1กับอิหร่าน ที่เจนีวา...
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ หารือกับสมาชิกวุฒิสภา พร้อมนายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศ และซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 19 พ.ย. ก่อนเรียกร้องส.ว. อย่าเพิ่งเสนอมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มขึ้น เพื่อให้เวลามหาอำนาจโลกบรรลุข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านก่อน ทำเนียบขาว แถลงเตือนด้วยว่า ถ้าไม่มีข้อตกลงกัน อิหร่าน จะเดินหน้าเสริมสมรรถนะ แร่ยูเรเนียม ต่อไป ติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงใหม่และพัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้แร่พลูโตเนียมในเมืองอารัค
ด้านเจย์ คาร์เนย์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่าโอบามาได้บอกกับคณะส.ว.ว่า การคว่ำบาตรรอบใหม่จะยิ่งเข้มข้นขึ้น ถ้าอิหร่านไม่ยอมรับข้อตกลงหรือตกลงแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตาม และปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าอิหร่านจะได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรมูลค่าอย่างน้อย 40,000 ล้านดอลลาร์ด้วย ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯบางคน วิตกว่าทำเนียบขาวดำเนินการเรื่องนี้เร็วไปและสหรัฐฯควรยึดแนวทางเข้มงวดกับ อิหร่าน
...
ท่าทีของโอบามามีขึ้นขณะผู้แทนกลุ่มประเทศมหาอำนาจโลกที่เรียกว่า“พี5+1” ประกอบด้วยสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) คือ สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซียและจีน กับอีก 1 ประเทศคือเยอรมนี เริ่มหารือวิกฤติโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่านเป็นเวลา 3 วัน เริ่ม 20-22 พ.ย.ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นขึ้นระหว่างอิหร่านกับโลก ตะวันตก เมื่อนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานีของอิหร่าน และถือเป็นผู้นำอังกฤษคนแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ติดต่อสัมพันธ์ผู้นำอิหร่าน โดยพูดคุยกันเรื่องโครงการนิวเคลียร์และสถานการณ์ในซีเรีย และเห็นชอบร่วมกันในอันที่จะหาทางกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
อย่างไรก็ดี อะยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าว ระบุว่าอิหร่านจะไม่ยอมถอยแม้แต่น้อยจากสิทธิ์ที่มีในเรื่องนิวเคลียร์ ยืนยันไม่แทรกแซงการเจรจาที่เจนีวาโดยตรง เป็นแต่ได้กำหนด “เส้นแดง” ให้ผู้แทนเจรจาของอิหร่านไว้เท่านั้น กล่าวหาเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเอาแต่ยอมตามสหรัฐฯและคุกเข่าให้อิสราเอล และว่าอิหร่านจะตบหน้าผู้รุกรานชนิดที่จะไม่มีวันลืมได้ โดยไม่ระบุถึงประเทศใดชัดเจน