ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตีประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ผ่านโซเชียล ระบุว่าอยากปลดออกเร็วๆ นี้ หลังเจอโต้กลับว่านโยบายภาษีของทรัมป์ สร้างผลกระทบแรง และเสี่ยงทำเงินเฟ้อ คนตกงาน จนเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะงักงัน

11 เมษายน 2568 นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดกระแสดราม่าทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย โจมตี นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ว่า ช้าและผิดพลาดตลอดเวลา พร้อมเรียกร้องให้มีการปลดนายพาวเวล ออกจากตำแหน่งโดยเร็ว

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากพาวเวลล์เพิ่งออกมาเตือนว่า นโยบายการเก็บภาษีนำเข้าจากต่างประเทศของทรัมป์ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างกว่าที่คาด อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่นำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะที่เงินเฟ้อสูง (stagflation) หรือแต่เศรษฐกิจหยุดชะงัก  หรือซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ มานานหลายทศวรรษ

ทรัมป์ระบุว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด มักจะช้าเกินไปและผิดตลอด และสิ่งที่เพิ่งเผยแพร่รายงานเมื่อเร็วๆนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเหมือนเคย ซึ่งการปลดนายพาวเวลล์ควรเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

วันเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ในรอบปี ทำให้ทรัมป์ยิ่งไม่พอใจที่เฟดของสหรัฐฯ ไม่ลดดอกเบี้ยตาม ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า กระทบต่อภาคการส่งออกและความสามารถในการแข่งขัน

ด้านพาวเวลล์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายภายใต้รัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีศุลกากรจากหลายประเทศ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐาน ของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสร้างความไม่แน่นอนจนธนาคารกลางต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยมีแบบแผนมาก่อน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ และนักเศรษฐกิจหลายรายก็แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า นโยบายภาษีของทรัมป์มีแนวโน้มจะผลักดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเงินเฟ้อ และอาจทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น

...

ทางด้านเรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ยังกล่าวอีกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจอยู่ในภาวะถดถอยแล้วโดยไม่รู้ตัว หรือใกล้เข้าสู่จุดนั้นเต็มที

ทั้งนี้ สำหรับนายเจอโรม พาวเวลล์ เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดโดยทรัมป์ในปี 2018 และได้รับการต่ออายุโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2021 ซึ่งจะดำรงตำแหน่งจนถึงเดือนพฤษภาคม 2026.