ตลาดการเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทะยานขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นจีนที่ถูกปรับขึ้นถึง 125%

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ ดัชนีนิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่น เปิดตลาดปรับขึ้นมากถึง 8.3% ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.6% ดัชนี Taiex ของไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.2% ส่วนตลาดหุ้นจีนที่ถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีเพิ่มขึ้น ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เปิดตลาดปรับขึ้น 1.3% และดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง เปิดตลาดปรับขึ้น 2.7%

ในสหรัฐฯ วอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ (9 เม.ย.) หลังจากข่าวดังกล่าว หลังจากตกต่ำติดต่อกันหลายวัน โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 474.13 จุด หรือ 9.52% ทำสถิติเพิ่มขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับจากปี 2008 เช่นเดียวกับดัชนีแนสแดค ที่เพิ่มขึ้น 1,857.06 จุด หรือ 12.16% ทำสถิติเพิ่มขึ้นในวันเดียวมากที่สุดนับจากปี 2001 ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 2,962.86 จุด หรือ 7.87% กลับมาอยู่ในวันที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศกลับลำเมื่อวันพุธ หรือไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่มาตรการภาษีใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อเวลาหลังเที่ยงคืน ของวันที่ 9 เมษายน การพักการขึ้นภาษีที่จะเก็บกับสินค้านำเข้าของประเทศต่าง ๆ อัตรา 11-50% คาดว่าเพื่อเปิดช่องเพื่อยืดเวลาในการเจรจา แต่เขาได้ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก จาก 104% เป็น 125% อย่างไรก็ตาม จะมีการเรียกเก็บภาษีสากล 10% สำหรับประเทศส่วนใหญ่ นอกจากนั้น ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่าจะมีการ "ทำข้อตกลงที่เป็นธรรม" กับจีนและประเทศอื่นๆ ทุกประเทศ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากจีนประกาศจัดเก็บภาษีศุลกากร 84% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีนไม่ต้องการให้เกิดสงครามการค้า เนื่องจากไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามนี้ แต่รัฐบาลจีนจะไม่ยอมปล่อยให้สิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนชาวจีนถูกทำร้ายหรือถูกพรากไปอย่างเด็ดขาด

...

จีนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นครั้งที่สอง โดยกล่าวหาว่าทรัมป์ใช้กลวิธีกลั่นแกล้ง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพุธว่า "การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 50% ถือเป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวของมาตรการของสหรัฐฯ" จีนระบุว่า "จะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดตามกฎของ WTO และยืนหยัดอย่างแน่วแน่ต่อระบบการค้าพหุภาคีและระเบียบการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ"

ด้านกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ได้ออกคำเตือนการเดินทางโดยแนะนำให้พลเมืองของตน "เดินทางด้วยความระมัดระวัง" และ "ประเมินความเสี่ยงให้ครบถ้วน" ก่อนเดินทางไปสหรัฐฯ โดยอ้างถึง "“ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เสื่อมถอย รวมถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงภายในประเทศของสหรัฐฯ"

ส่วนกระทรวงศึกษาธิการของจีนได้ออกคำเตือนเช่นกัน โดยแจ้งให้นักศึกษาต่างชาติทุกคน "ทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย" เมื่อตัดสินใจว่าจะไปเรียนที่สหรัฐฯ หรือไม่ คำเตือนนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อร่างกฎหมายที่ผ่านในรัฐโอไฮโอ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจำกัด "อิทธิพลจากต่างประเทศ" จากจีนในมหาวิทยาลัยของรัฐ.

ที่มา BBC

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign