สหภาพยุโรปเห็นชอบเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ภาษีต่างตอบแทนของโดนัลด์ ทรัมป์แล้ว โดยจะแบ่งเป็น 3 ช่วงจนถึงปลายปี 2568

เมื่อวันพุธที่ 9 เม.ย. 2568 คณะกรรมาธิการยุโรปออกแถลงการณ์ยืนยันว่า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ลงมติเห็นชอบการบังคับใช้ภาษีศุลกากรต่อสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการ เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีต่างตอบแทนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเริ่มบังคับใช้แล้วในวันเดียวกันนี้

แถลงการณ์ระบุว่า กำแพงภาษีของ EU จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. เป็นต้นไป

“EU พิจารณาแล้วว่า ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ นั้นไม่เป็นธรรมและสร้างความเสียหาย ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ฝ่ายและของโลก” แถลงการณ์ระบุ “EU แถลงอย่างชัดเจนว่าต้องการหาทางออกผ่านการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งควรเป็นประโยชน์ร่วมกันและสมดุล”

ตามรายงานของสำนักข่าวบีบีซี มาตรการกำแพงภาษีใหม่ของ EU จะส่งผลต่อสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ารวม 2.09 หมื่นล้านยูโร โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 15 เม.ย. ส่งผลต่อสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 3.9 พันล้านยูโรที่ขายให้แก่ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป

ช่วงที่ 2 จะเริ่มใน 1 เดือนต่อมา ในวันที่ 15 พ.ค. กำแพงภาษีของ EU จะเริ่มส่งผลต่อสินค้ามูลค่า 1.35 หมื่นล้านยูโร ส่วนสินค้าที่เหลือมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร จะเริ่มได้รับผลกระทบในช่วงที่ 3 ตั้งแต่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป

คาดกันว่า EU จะเปิดเผยรายการสินค้าสหรัฐฯ ที่พวกเขาจะเก็บภาษีศุลกากรออกมาภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการจะเก็บ "ภาษีต่างตอบแทน" (reciprocal tariff) ต่อสินค้าของหลายสิบประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลทางการค้าด้วยมากที่สุด ในอัตราแตกต่างกันไป โดย EU ถูกเรียกเก็บ 20% ไม่รวมภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม 25% ซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม

...

นักวิเคราะห์มองว่า การที่ EU เป็นมาตรการตอบโต้เป็น 3 ช่วงแสดงให้เห็นว่า มาตรการเหล่านี้สามารถถูกระงับได้ทันที หากสหรัฐฯ ตกลงที่จะเจรจาการค้าอย่างเป็นธรรมและสมดุล

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc