ดัชนีตลาดหุ้นหลักในเอเชียร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีทีท่าจะล้มเลิกแผนภาษีตอบโต้ครั้งใหญ่ โดยดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงร่วงลงกว่า 9% ส่วนดัชนีนิกเกอิติดลบ 6%

ดัชนีตลาดหุ้นหลักในเอเชียร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีทีท่าจะล้มเลิกแผนภาษีตอบโต้ครั้งใหญ่ โดยดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงร่วงลงกว่า 9% ส่วนดัชนีนิกเกอิติดลบ 6% ขณะที่นักลงทุนคาดว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ถูกปรับลดเร็วที่สุดในเดือนพฤษภาคม

โดยดัชนี นิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่น ปรับตัวลดลง -6.3% หลังเปิดตลาด ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง ของตลาดหุ้นฮ่องกง ดิ่งลง -9.8% เช่นเดียวกับตลาดสำคัญอื่นๆ เช่น ดัชนี Shanghai Composite (-6.6%) ASX 200 ของออสเตรเลีย (-4.5%) Kospi ของเกาหลีใต้ (-4.4%) Taiex ของไต้หวัน (-9.6%) STI ของสิงคโปร์ (-7.1%) ขณะที่ Dow Jones Futures ของสหรัฐฯ ลดลง -2%

ในญี่ปุ่น หุ้นของธนาคารใหญ่ 3 แห่งของญี่ปุ่นร่วงลงมากกว่า 12% ในการซื้อขายวันนี้ ได้แก่ Mitsubishi UFJ Financial Group, Mizuho Financial Group และ Sumitomo Mitsui Financial Group ที่ลดลงเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีหุ้นธนาคารร่วงลง 20% ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

หุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของบริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่าง HSBC และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ร่วงลงอย่างหนัก ในการซื้อขายช่วงเช้าวันจันทร์ HSBC ร่วงลงมากกว่า 15% ขณะที่สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ร่วงลง 18% หลังตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการเมื่อวันที่ 4 เม.ย. เนื่องในวัรหยุดเทศกาลเช็งเม้ง

การปรับตัวลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่านักลงทุนจะต้องยอมรับผลที่ตามมา และเขาจะไม่ทำข้อตกลงกับจีนจนกว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ จะได้รับการแก้ไข รัฐบาลจีนประกาศว่าตลาดได้พูดคุยเกี่ยวกับแผนการตอบโต้แล้ว

...

นักลงทุนเคยคิดว่าการสูญเสียความมั่งคั่งนับล้านล้านดอลลาร์และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจะทำให้ทรัมป์ต้องพิจารณาแผนของเขาใหม่

บรูซ คาสแมน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan กล่าวว่า "ขนาดและผลกระทบอันรุนแรงของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หากยังคงดำเนินต่อไป ก็เพียงพอที่จะทำให้การขยายตัวของสหรัฐฯ และทั่วโลกที่ยังคงแข็งแรงเข้าสู่ภาวะถดถอย" โดยให้ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอยู่ที่ 60%

เขากล่าวเสริมว่า "เราคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะผ่อนปรนนโยบายการเงินครั้งแรกในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ เราคิดว่าคณะกรรมการจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งจนถึงเดือนมกราคม โดยจะลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยกองทุนสูงสุดลงเหลือ 3.0%"

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า มีประเทศและดินแดนมากกว่า 50 แห่ง ติดต่อสหรัฐฯ เพื่อเจรจาการค้า นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเมื่อวันที่ 3 เมษายน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ โดยอินเดียระบุว่าจะไม่ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ อินเดียเปิดกว้างในการลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มากกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อปกป้องการส่งออก

โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มแรกที่พูดคุยกับทรัมป์ หลังเวียดนามถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรถึง 46%โดย,uรายงานว่าเขาได้ขอให้ทรัมป์ชะลอการบังคับใช้ภาษีดังกล่าว ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงได้.

ที่มา BBC Reuters

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign