นักเศรษฐศาสตร์เตือน มาตรการภาษีระลอกล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกาศเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนบทเรียนอดีต ซึ่งจะส่งผลย้อนกลับอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้ค่าครองชีพชาวอเมริกันพุ่งขึ้นหลายพันดอลลาร์ต่อปี และยังอาจฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างหนัก

วันที่ 4 เมษายน 2568 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นายมอริซ อ็อบส์เฟลด์ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ชี้ว่า การที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศทั่วโลกครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันให้ประเทศอื่นเปิดตลาดรับสินค้าสหรัฐฯ มากขึ้น โดยคาดว่าจะนำไปสู่การเจรจาและลดภาษีระหว่างกันในที่สุด แต่ผลกระทบอาจย้อนกลับอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยจะทำให้ค่าครองชีพของชาวอเมริกันพุ่งขึ้นหลายพันดอลลาร์ต่อปี และยังอาจฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างหนัก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญ 2 ยุคในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 1929 ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ สั่นสะเทือนครั้งใหญ่จาก "Black Tuesday" ในวันที่ 29 ตุลาคม 1929 จนก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

ช่วงนั้นสภาคองเกรสผ่านกฎหมาย "Smoot-Hawley Tariff Act" ซึ่งเพิ่มภาษีนำเข้าเกือบ 60% หวังปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เมื่อชาติพันธมิตรตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีกลับ สินค้าอเมริกันถูกตีกลับจากตลาดโลก การส่งออกพังพินาศ ธุรกิจล้มระเนระนาด และเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุในปี 1939 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้ว่ากฎหมาย “Smoot-Hawley ในตอนนั้นรุนแรงแล้ว แต่มาตรการทรัมป์ครั้งนี้รุนแรงมากกว่าอีก

...

ขณะที่ต่อมาคือในยุค “Nixon Shock” เมื่อปี 1971 ซึ่งในตอนนั้นประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ได้ประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำ ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงทั่วโลก ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดความสั่นคลอน และสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรสั่นสะเทือน

นายอ็อบส์เฟลด์ชี้ว่า มาตรการทรัมป์ในปี 2025 สะท้อนแนวคิดคล้ายกับ 2 เหตุการณ์ในอดีตคือ การทำในสิ่งที่ดีสำหรับสหรัฐฯ โดยไม่คำนึงว่าชาติพันธมิตรจะต้องเผชิญกับผลกระทบอย่างไร พร้อมเตือนว่าแนวทางเช่นนี้ ไม่ใช่ท่าทีที่ดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

พร้อมกันนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเตือนว่า การเดินซ้ำรอยอดีตโดยไม่เรียนรู้จากบทเรียนเดิม อาจพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถลำลึกลงเหวซ้ำอีกครั้ง.