(ภาพจาก SKorea-children-social-UN,FEATURE by Park Chan-Kyong)

ผลการสืบสวนชี้ เกาหลีใต้ส่งออกเด็กหลายแสนคนให้ต่างชาติรับเลี้ยงตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ทำให้การรับลูกบุญธรรมกลายเป็นอุตสาหกรรมแสวงกำไรขนาดใหญ่

เมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค. 2568 คณะกรรมการการปรองดองและความจริงของรัฐบาลเกาหลีใต้ เผยแพร่ผลการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีที่เด็กชาวเกาหลีใต้จำนวนมากถูกรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมในต่างประเทศออกมาแล้ว โดยพบว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย เพื่อส่งออกเด็กจำนวนนับแสนคนออกจากประเทศ

ผลการสืบสวนพบว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ปลอมแปลงสูติบัตร, รายงานเท็จว่าเด็กถูกทิ้ง และล้มเหลวในการตรวจสอบประวัติผู้ที่มาขอรับเลี้ยงเด็กอย่างเหมาะสมในช่วงหลังสงคราม ส่งผลให้เกิดการส่งออกเด็กจำนวนมหาศาลโดยบริษัทเอกชนหลายแห่ง เพื่อแสวงหากำไร

เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีเด็กและทารกชาวเกาหลีใต้มากกว่า 200,000 คน ถูกรับเป็นลูกบุญธรรมในต่างประเทศโดยเฉพาะในชาติตะวันตก นับตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1950 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศกำลังอยู่ในฐานะยากจนและกำลังฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี ทำให้อุตสาหกรรมการส่งออกเด็กเพื่อรับเลี้ยงขยายตัวอย่างมหาศาล

เด็กๆ หลายคนที่ถูกรับเลี้ยง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่และกระจายไปอยู่ทั่วโลก ต้องการตามรอยต้นกำเนิดของตัวเอง โดยหลายรายสงสัยว่าเกิดการกระทำผิดขึ้นในกระบวนการรับเลี้ยงพวกเขาเป็นลูกบุญธรรม จึงได้ยื่นคำร้องมายังคณะกรรมการการปรองดองและความจริง ซึ่งเริ่มการสืบสวนในปี 2565

นับตั้งแต่นั้น มีคำร้องจากเด็กที่ถูกรับเลี้ยงถูกยื่นเข้ามาทั้งหมด 367 ราย ทั้งหมดถูกส่งออกไปต่างประเทศระหว่างปี 2507-2542 โดยปัจจุบันทางคณะกรรมการวิเคราะห์คำร้องที่ถูกยื่นเข้ามาแล้ว 100 ราย และพบว่า มี 56 รายที่เป็นเหยื่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการละเลยของรัฐบาล ส่วนการตรวจสอบกรณีอื่นๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคม

...

ตามรายงานการสืบสวน หลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก และมีเพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้นที่ต้องการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม รัฐบาลในสมัยนั้นจึงผุดโครงการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมข้ามชาติ ให้บริษัทเอกชนบริหารจัดการ โดยพวกเขาได้รับอำนาจมากมายจากกฎหมายรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมกรณีพิเศษ

แต่ทว่า เกิดความล้มเหลวอย่างเป็นระบบในการบริหารจัดการและกำกับดูแลการทำงานของบริษัทเหล่านี้ ทำให้เกิดการกระทำผิดมากมาย

“นี่คือส่วนที่น่าอับอายในประวัติศาสตร์ของเรา” น.ส.พัค ซุน-ยอง ประธานคณะกรรมการการปรองดองและความจริงกล่าวในงานแถลงข่าว “ในขณะที่เด็กที่ถูกรับเลี้ยงมากมายโชคดีได้เติบโตในครอบครัวที่มอบความรัก แต่หลายคนต้องทนทุกข์กับความยากลำบากและบาดแผลเนื่องจากช่องโหว่ในกระบวนการรับเลี้ยง แม้แต่ในทุกวันนี้ หลายคนก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย”

รายงานการสืบสวนพบว่า องค์กรต่างประเทศเรียกร้องให้ส่งเด็กให้พวกเขาตามจำนวนที่กำหนดทุกเดือน และบริษัทเกาหลีใต้ก็ตอบรับด้วยการอำนวยความสะดวกให้แก่การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมข้ามประเทศขนานใหญ่ โดยมีกระบวนการตรวจสอบน้อยที่สุด

และเมื่อไม่มีการกำหนดเรื่องค่าใช้จ่ายจากทางรัฐบาล บริษัทเกาหลีเหล่านี้จึงเก็บเงินก้อนโตและเรียกร้องเงินบริจาคจำนวนมาก ทำให้การรับลูกบุญธรรมกลายเป็นอุตสาหกรรมเพื่อแสวงหากำไรขนาดใหญ่ และมีหลายกรณีที่การรับเลี้ยงเกิดขึ้นโดยที่แม่ผู้ให้กำเนิดเด็กไม่ยินยอม และมีการคัดกรองผู้ที่จะมารับเลี้ยงเด็กไม่เพียงพอ

บริษัทเกาหลีเหล่านี้ยังปลอมแปลงรายงานทำให้เด็กหลายรายมีประวัติเหมือนเป็นเด็กถูกทิ้ง ด้วยความตั้งใจที่จะมอบตัวตนปลอมให้แก่เด็กๆ เหล่านี้ และเนื่องจากเด็กมากมายถูกบันทึกข้อมูลด้วยตัวตนปลอม พวกเขาจึงประสบปัญหาในการหาข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเอง และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างไม่เพียงพอ

ในรายงานของคณะกรรมการการปรองดองและความจริง พวกเขาแนะนำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ และปฏิบัติตามมาตรฐานการรับเลี้ยงลูกบุญธรรมข้ามประเทศ

ทั้งนี้ เกาหลีใต้เริ่มเพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการรับลูกบุญธรรมเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2566 พวกเขาผ่านกฎหมายที่จะรับประกันว่า การส่งเด็กไปให้รับเลี้ยงในต่างประเทศ จะต้องกระทำโดยกระทรวงของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่หน่วยงานเอกชนอีกต่อไป โดยกฎหมายนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมปีนี้

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc