ทางการจีนเผย ประชาชนในประเทศมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 79 ปีแล้ว แต่ปัญหาประชากรสูงอายุและอัตราการเกิดต่ำทำให้ประชากรลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. 2568 นายเหลย ไห่เฉา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของจีน จัดงานแถลงข่าวนอกรอบการประชุม 2 สภาประจำปี โดยระบุว่าสาธารณสุขของประเทศกำลังดีขึ้น เห็นได้จากอายุขัยเฉลี่ยของประชาชนเพิ่มขึ้นเป็น 79 ปี ในปี 2567 สูงกว่าสถิติในปี 2566 ที่ 0.4 ปี และเพิ่มขึ้น 1.7 ปีเมื่อเทียบกับปี 2562
นายเหลยระบุว่า ประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่ประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยเกิน 75 ปี ตามปกติแล้วมีอัตราอายุขัยเพิ่มขึ้นปีละเพียง 0.1 ถึง 0.2 ปีเท่านั้น ขณะที่ประชาชนในหลายพื้นที่ในจีน เช่น ปักกิ่ง, เทียนจิน, เซี่ยงไฮ้, ซานตง, เจียงซู, เจ้อเจียง, กวางตุ้ง และไห่หนาน ล้วนมีอายุขัยเฉลี่ยเกิน 80 ปีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายเหลยเตือนด้วยว่า มีความกังวลด้านสาธารณสุขที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นด้วย นั่นคือปัญหาน้ำหนักตัวผิดปกติ ซึ่งรวมทั้งน้ำหนักเกินและน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับแรงผลักดันจากคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น, การทานแคลอรีที่มากขึ้น และการทำกิจกรรมทางกายภาพที่ลดลง
เทรนด์ดังกล่าวทำให้ความเสี่ยงเกิดโรคอ้วน, โรคความดันเลือดสูง และโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้น และเป็นเรื่องสำคัญของประเทศที่ต้องแก้ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตนี้ มิเช่นนั้นภายในปี 2573 ประชากรจีนมากถึง 65.3% จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
แรงกดดันทางประชากรยังขยายไปไกลมากกว่าเรื่องสุขภาพ โดยทั้งปัญหาประชากรสูงอายุและอัตราการเกิดตกต่ำ จะสร้างภาระต่อระบบการประกันสังคมและตลาดแรงงานต่อไป และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
...
ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนชี้ว่า ในปี 2567 ประชากรจีนลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว โดยลดลง 1.39 ล้านคนในปี 2567 เหลือที่ 1,408.3 ล้านคน ขณะที่ในปี 2566 จีนมีประชากร 1,409.7 ล้านคน
นายหลู่ จื่อหยวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการพลเรือนเน้นย้ำว่า จำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบดูแลผู้สูงอายุอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ภาระการดูแลประชากรผู้สูงอายุที่มากขึ้น ตกไปอยู่กับแรงงานหนุ่มสาวที่กำลังหดตัวลงเรื่อยๆ
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna