ระหว่างกลัวความบ้าระห่ำของ "โดนัลด์ ทรัมป์" กับกลัวความตกต่ำของเศรษฐกิจและสงคราม คนอเมริกันเลือกอย่างหลังมากกว่า ก็เพราะอย่างนี้ "โดนัลด์ ทรัมป์" จึงคว้าชัยชนะหวนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ด้วยวัย 78 ปี สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 เตรียมพลิกชะตาโลกอีกสมัย
ประธานาธิบดีคนที่ 47 ประกาศชัยชนะอย่างฮึกเหิมว่า หลายคนบอกผมว่า พระเจ้าไว้ชีวิตผม เพราะมีเหตุผลหนึ่ง เหตุผลนั้นคือ เพื่อกอบกู้ประเทศชาติ ฟื้นฟูอเมริกาให้กลับมายิ่งใหญ่ และพวกเรากำลังจะไปด้วยกัน ผมขอบคุณคนอเมริกันสำหรับการให้เกียรติ ที่เลือกผมเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 และคนที่ 45 ผมขอให้คำมั่นกับประชาชนทุกคนว่าผมจะสู้เพื่อคุณ เพื่อครอบครัวของคุณ เพื่ออนาคตของคุณ ทุกวันต่อจากนี้ผมจะสู้เพื่อคุณ ด้วยทุกลมหายใจที่มี ผมจะไม่พักผ่อนจนกว่าจะผลักดันให้เกิดอเมริกาที่แข็งแกร่ง, ปลอดภัย และเจริญรุ่งเรือง
การคืนบัลลังก์ในยุคสองของทรัมป์ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บ้างก็ว่าโลกจะไม่มีวันสงบสุข บ้างก็ว่าสถานการณ์โลกคงไม่มีอะไรแย่ลง เพราะทรัมป์เน้นค้าขายฟื้นฟูเศรษฐกิจอเมริกา ไม่หิวสงครามแบบยุค "โจ ไบเดน" ที่สนับสนุนสงครามในยูเครน และสงครามอิสราเอล-ฮามาส จนทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงทั่วโลก และเงินเฟ้อทะยานสูงสุดในรอบ 40 ปี ปั่นป่วนกันไปทั้งโลก
ยุคสองของทรัมป์ยังเน้นเอาใจประชาชนในประเทศ ตามคอนเซปต์ "อเมริกาต้องมาก่อน" ชาวมะกันจะเสียภาษีลดลงทั้งภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล ทำให้บริษัทจ้างพนักงานได้เพิ่มขึ้น และนักลงทุนมีเงินเหลือไปเล่นหุ้นมากขึ้น ถามว่าจะชดเชยรายได้รัฐยังไง ทรัมป์ชดเชยด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยพุ่งเป้าไปที่คู่แข่งอย่างจีนเต็มๆ เตรียมงัดบทลงโทษทางการค้าที่รุนแรงมาฟาดชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ยกเลิกการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากจีนทั้งหมด, ไม่ให้จีนซื้อสินค้าอเมริกา, หยุดการลงทุนของบริษัทสหรัฐฯในจีนทั้งหมด และตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 60%
...
กลุ่มโลกสวยคาดหวังว่า สมัยสองของทรัมป์จะเป็นการทิ้งทวนทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ เพื่อลบภาพตัวอันตราย และผู้นำที่มีหัวใจเผด็จการแบบนาซีเยอรมัน ซึ่งหากทรัมป์ทุ่มเทกำลังกายกำลังสมองอย่างเต็มที่ ไม่เฉพาะเศรษฐกิจอเมริกาที่จะกลับมาเฟื่องฟูเหมือนช่วงก่อนวิกฤติโควิด แต่เศรษฐกิจทั้งโลกก็จะรอดจากภาวะถดถอยไปด้วย และไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากสงครามตัวแทน
อย่างไรก็ดี แม้การประกาศทำสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีนจะเพิ่มบทบาทให้ประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตใหม่ของจีนในภูมิภาคอาเซียน แต่การย้ายฐานผลิตครั้งใหญ่ของจีนเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษีนำเข้าของอเมริกา ก็ไม่สามารถชดเชยการค้าโลกระหว่างอเมริกาและจีนที่ลดฮวบลงได้ เพราะเมื่อจีนส่งออกได้น้อยลง ก็จะลดการนำเข้าวัตถุดิบจากอาเซียน และส่งผลให้การค้าของภูมิภาคนี้ชะลอตัวลง ภาคการส่งออกของไทยจึงเสี่ยงโตช้าและถึงขั้นหยุดชะงัก อันเป็นผลมาจากการทะเลาะกันของสองมหาอำนาจโลก
อีกเรื่องที่ทรัมป์ลุยแน่ๆคือ การขจัดพวกที่เป็นภัยต่ออเมริกาให้สิ้นซาก พร้อมตราหน้าผู้อพยพเข้าเมืองว่าเป็นพิษต่อเลือดของอเมริกา เขาประกาศว่าจะกำจัดสมาชิกแก๊งอาชญากรรม, ผู้ค้ายาเสพติด และพันธมิตรของมาเฟียออกจากอเมริกา โดยจะดำเนินการส่งตัวชาวต่างชาติกลับประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังประกาศทำสงครามกับกลุ่มค้ายาเสพติด โดยจะขอให้สภาคองเกรสผ่านมติให้ผู้ลักลอบขนยาเสพติดและผู้ค้ามนุษย์ต้องรับโทษประหารชีวิต พร้อมใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเรือกับกลุ่มค้ายา, ตัดการเข้าถึงระบบการเงินทั่วโลกของพวกค้ายา และใช้กองกำลังพิเศษภายในกระทรวงกลาโหมเด็ดหัวผู้นำแก๊งค้ายา
ทรัมป์ขายฝันคนรุ่นใหม่ โดยสัญญาสร้างเมืองใหม่ 10 เมือง บนที่ดินของรัฐบาลกลาง เพื่อมอบโอกาสทางเศรษฐกิจให้หนุ่มสาว พร้อมเดินหน้าพัฒนารถบินได้เอาชนะจีน ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรัมป์มองว่าเป็นตัวการทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ดั้งเดิมของอเมริกา ก็เตรียมกลับบ้านเก่าได้เลย
หนึ่งในเครื่องพิสูจน์ฝีมือคือ การยุติสงครามยูเครนกับรัสเซียทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง มีเวลา 4 ปีเต็มเพื่อทิ้งทวนครั้งสุดท้าย เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้มหาบุรุษชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์”.
มิสแซฟไฟร์
คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม