เผยภาพวินาทีที่ขีปนาวุธของอิสราเอล พุ่งลงมาใส่อาคารอพาร์ตเมนต์ในกรุงเบรุตของเลบานอน จนพังเสียหายทั้งหลัง

เผยภาพวินาทีที่ขีปนาวุธของอิสราเอล พุ่งลงมาใส่อาคารอพาร์ตเมนต์ในกรุงเบรุตของเลบานอน จนพังเสียหายทั้งหลัง โดยช่างภาพจากสำนักข่าวเอพี ซึ่งหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ได้หันกล้องไปที่อาคารอพาร์ตเมนต์ในกรุงเบรุต ซึ่งกองทัพอิสราเอลเตือนว่าตกเป็นเป้าหมายการโจมตี และเมื่อขีปนาวุธพุ่งลงมาจากท้องฟ้า นักข่าวและเลนส์ก็อยู่ในตำแหน่งที่สามารถบันทึกเส้นทางการทำลายล้างได้อย่างชัดเจน

บิลัล ฮุสเซน ช่างภาพของเอพี กล่าวเมื่อวันอังคาร (23 ต.ค.) ว่า "ผมได้ยินเสียงหวีดของขีปนาวุธ จึงมุ่งหน้าไปยังอาคารนั้น จากนั้นผมก็เริ่มถ่ายวิดีโอ" ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองกำลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตี ภาพขีปนาวุธที่ฮุสเซนจับภาพได้นั้น แสดงให้เห็นความเร็ว พลัง และความหายนะของสงครามสมัยใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง

การโจมตีเมื่อวันอังคารเกิดขึ้นประมาณ 40 นาที หลังจากโฆษกกองทัพอิสราเอลโพสต์คำเตือนเป็นภาษาอาหรับบนโซเชียลมีเดีย โดยแจ้งให้ผู้คนที่อยู่ในและรอบๆ อาคารสองหลังในเขตชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุตทราบว่าพวกเขาควรอพยพออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดอาคารเหล่านี้จึงตกเป็นเป้าหมาย นอกจากจะบอกว่าอาคารเหล่านี้อยู่ใกล้กับพื้นที่ผลประโยชน์และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์

คำเตือนดังกล่าวทำให้หลายคนต้องหนีออกจากย่านที่มีประชากรหนาแน่น ในขณะที่คนอื่นๆ รวมทั้งนักข่าวไม่กี่คนยังคงเฝ้าดูอยู่ เมื่อถึงเวลาโจมตี อาคารดังกล่าวได้ถูกอพยพออกไปแล้ว และไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ไม่กี่นาทีก่อนที่ขีปนาวุธจะถล่มอาคาร ขีปนาวุธขนาดเล็กสองลูกถูกยิงไปที่หลังคา ซึ่งกองทัพอิสราเอลมักเรียกการโจมตีนี้ว่าการโจมตีเตือน โดยอิสราเอลใช้วิธีนี้ในการโจมตีในฉนวนกาซาในสงครามที่ผ่านมา

...

เมื่อขีปนาวุธหลักพุ่งเข้าหาตัวอาคาร ภาพที่ฮุสเซนถ่ายได้ ภาพหนึ่งแสดงให้เห็นขีปนาวุธโค้งขึ้นในอากาศ อีกภาพหนึ่งจับภาพได้เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะพุ่งทะลุระเบียงชั้นล่าง โดยปรากฏกลุ่มควันและเศษซากพวยพุ่งออกมาด้านนอกอาคารที่ถล่มลงมา

ฮุสเซน ซึ่งรายงานข่าวความขัดแย้งในอิรักและเลบานอนมาหลายปี ตั้งแต่เข้าร่วมเอพีในปี 2547 กล่าวว่าเขาคุ้นเคยกับเสียงระเบิดแล้ว ในคืนก่อนที่อาคารจะถูกทำลาย เขาได้บันทึกภาพการโจมตีของอิสราเอลมากกว่าสิบครั้งในบริเวณใกล้เคียง เขากล่าวว่า "ผมสามารถควบคุมปฏิกิริยาของตัวเองในช่วงเวลาสำคัญและรักษาสติให้ได้มากที่สุด".

ที่มา AP

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign