• ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯก็เริ่มมีข้อมูลที่น่าสนใจเข้ามาเรื่อยๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่สนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส ซึ่งหลายฝ่ายจับตามองว่า จะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ด้วย
  • มีการเปิดเผยผลโพลของหลายสำนักที่ชี้ว่าผู้หญิงผิวขาวที่มักจะเลือกรีพับลิกันเปลี่ยนใจมาโหวตให้กับนางแฮร์ริส โดยคะแนนเสียงของผู้หญิงผิวขาวเหล่านี้ก็เคยหนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ให้คว้าชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตันมาแล้วในการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016
  • ด้านผลสำรวจของเอพี พบว่าผู้หญิงฮิสแปนิกมีความเห็นเชิงบวกต่อรองประธานาธิบดีแคมาลา แฮร์ริส ในขณะที่มีความเห็นเชิงลบต่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ว่ากลุ่มผู้ชายฮิสแปนิกอาจจะเสียงแตกอยู่บ้างก็ตาม 

เว็บไซต์ เดอะการ์เดียน เปิดผลวิจัยจาก 19 นิวส์ เซอร์เวย์ มังกี้โพล ในเดือนกันยายนพบว่า ผู้หญิงผิวขาวที่มักจะเลือกรีพับลิกันจากการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา เปลี่ยนใจมาโหวตให้แฮร์ริส 42% มากกว่าทรัมป์ที่อยู่ที่ 40%โดยยังมีกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจอีก 18 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่หญิงผิวดำส่วนใหญ่จะสนับสนุนแฮร์ริสอยู่แล้ว เช่นเดียวกับผู้หญิงอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกและเอเชียอีกจำนวนมาก

...

ที่น่าจับตามองก็เพราะคะแนนของผู้หญิงผิวขาวเหล่านี้เป็นเบื้องหลังสำคัญที่ทำอาจทำให้ทรัมป์ได้ชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตันในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จาก Pew Research Center พบว่า ผู้หญิงผิวขาว 47% ลงคะแนนให้ทรัมป์ ในขณะที่ 45% สนับสนุนคลินตัน

ส่วนปัจจัยที่อาจจะมีผลสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้หญิงผิวขาวในการเลือกตั้งปี 2024 ก็คือการที่ทรัมป์อยู่เบื้องหลังการพลิกคำตัดสินคดีทำแท้ง ทำให้เกิดคำถามว่า ปี 2024 จะเป็นปีที่ผู้หญิงผิวขาว ซึ่งคิดเป็นเกือบ 40% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วสหรัฐฯ จะเข้าร่วมกับผู้หญิงผิวสีในการสนับสนุนพรรคเดโมแครตในที่สุดหรือไม่

ซึ่งแม้นักวิเคราะห์มองว่า อาจไม่เป็นเช่นนั้นทั้งหมด แต่อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อผลคะแนนได้เช่นกัน

เมลิสสา เด็คแมน ซีอีโอของ Public Religion Research Institute และผู้เขียนหนังสือ The Politics of Gen Z: How the Youngest Voters Will Shape Our Democracy ระบุว่า ผลการวิจัยของเธอพบว่า ผู้หญิงผิวสีและผู้หญิงวัยรุ่นผิวขาวเป็นพวกเสรีนิยมและมีความเป็นสตรีนิยมค่อนข้างมาก ดังนั้นการที่แฮร์ริสมาแทนที่ไบเดน น่าจะทำให้ผู้หญิงกลุ่มนี้กระตือรือร้นที่จะลงคะแนนเสียงมากขึ้น และผู้หญิงผิวขาวอายุน้อยที่มีสิทธิเลือกตั้งอาจจะหันไปลงคะแนนให้เดโมแครตแทนรีพับลิกัน

ขณะเดียวกันจากการสำรวจล่าสุดของ The Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research พบว่าผู้หญิงฮิสแปนิกมีความเห็นเชิงบวกต่อรองประธานาธิบดีแคมาลา แฮร์ริส ในขณะที่มีความเห็นเชิงลบต่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ว่ากลุ่มผู้ชายฮิสแปนิกอาจจะเสียงแตกอยู่บ้างก็ตาม

โดยรวมแล้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งฮิสแปนิกมีแนวโน้มที่จะบอกว่าพวกเขามีมุมมองที่ดีต่อทรัมป์และแฮร์ริสอย่างเท่าเทียมกัน แต่มีความแตกต่างด้านเพศในความคิดเห็นเกี่ยวกับแฮร์ริสคือประมาณ 6 ใน 10 ผู้หญิงฮิสแปนิกมีความเห็นที่ค่อนข้างหรือดีมากต่อแฮร์ริส ขณะที่มีเพียง 45% ของผู้ชายฮิสแปนิกที่เอนเอียงไปทางแฮร์ริส

ขณะเดียวกัน ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งหญิงฮิสแปนิกคิดว่าแฮร์ริสจะเป็นประธานาธิบดีที่ดี ในขณะที่มีเพียงประมาณหนึ่งในสามของผู้ชายฮิสแปนิกที่คิดเช่นนั้น

...

เฟอร์นันดา ฟิกีโรอา นักวิเคราะห์จากเอพีมองว่า แรงหนุนของกลุ่มฮิสแปนิกในรัฐแอริโซนาและเนวาดามีความสำคัญมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้สมัครทั้งสองพรรคต่างพยายามเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ในการลงพื้นที่หาเสียง

"ทั้งรองประธานาธิบดีแคมาลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่างพยายามดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งฮิสแปนิกอย่างจริงจัง ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของกลุ่มนี้ในการเลือกตั้งปี 2024"

แม้ว่าจะยังมีการแบ่งแยกในความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้สมัครประธานาธิบดี แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งฮิสแปนิกกล่าวว่าเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งนอกจากนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งฮิสแปนิกส่วนใหญ่ยังกล่าวว่าการดูแลสุขภาพและอาชญากรรมเป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดในการลงคะแนนเสียง และน้อยกว่าครึ่งหนึ่งกล่าวว่าการทำแท้งหรือการอพยพเป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญ

ซึ่งแม้ตัวเลขของโพลต่างๆชี้ว่านางแฮร์ริสยังนำนายทรัมป์อยู่เล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็มองว่า คะแนนของนางแฮร์ริสดูจะแผ่วปลาย ดังนั้นต้องมารอลุ้นกันว่าพลังหญิง หรือเสียงของผู้หญิงจะทำให้นางแฮร์ริสสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯได้จริงหรือไม่.

...

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

ที่มา : the guardian , AP

คลิกอ่านข่าว เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024