คามาลา แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์กับ ฟ็อกซ์ นิวส์ สื่อสายอนุรักษ์นิยมแล้ว โดยตอบคำถามในประเด็นต่างๆ รวมถึง ผู้อพยพ และสภาพจิตใจของโจ ไบเดน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันพุธที่ 16 ต.ค. 2567 ตามเวลารัฐเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐฯ หรือช่วงเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 17 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ นิวส์ สื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมแล้ว ทำให้เธอกลายเป็นแคนดิเดทจากพรรคเดโมแครตคนแรกที่ทำเช่นนี้ นับตั้งแต่ปี 2559
เธอกับเบรท ไบเออร์ พิธีกรและผู้สัมภาษณ์ปะทะกันหลายครั้งในประเด็กต่างๆ เช่น นโยบายใช้ภาษีประชาชนแปลงเพศให้นักโทษที่ต้องการ, ผู้อพยพผิดกฎหมาย และเรื่องสภาพจิตใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดน
แฮร์ริสตัดสินใจรุกสื่อฝ่ายรีพับลิกันซึ่งวิพากษ์วิจารณ์เธอมากที่สุดอย่าง ฟ็อกซ์ นิวส์ โดยหวังเร่งทำคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มใหม่ๆ ขณะที่เธอเร่งเดินสายให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างๆ ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมาถึงในไม่ถึง 3 สัปดาห์ข้างหน้า
ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งให้สัมภาษณ์กับ ฟ็อกซ์ นิวส์ บ่อยๆ ก็ปรากฏตัวในช่องฟ็อกซ์เช่นกัน ในงานอีเวนต์ลักษณะที่ประชุมองค์กร มีผู้เข้าชมเป็นผู้หญิงทั้งหมด โดยผลโพลชี้ว่า พวกเธอกังขาให้ตัวอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ ซึ่งตอบคำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิตและผู้อพยพอย่างคุ้นเคย แต่สะดุดเมื่อโดยถามเรื่องการรักษาผู้มีภาวะมีบุตรยาก
ฝ่ายแฮร์ริสนั่งตอบคำถามนายไบเออร์เป็นเวลา 25 นาที และทั้งคู่มักพูดแทรกอีกฝ่ายบ่อยครั้ง จนถึงจุดหนึ่ง แฮร์ริสต้องพูดขึ้นมาว่า “ฉันกำลังตอบประเด็นที่คุณยกขึ้นมา และฉันอย่างพูดให้จบ” โดยเรื่องที่ทั้ง 2 คนคุยกันสรุปได้ 4 ประเด็นดังนี้
...
1.จี้แฮร์ริสขอโทษ
การให้สัมภาษณ์ของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับฟ็อกซ์ นิวส์ เริ่มขึ้นด้วยประเด็นผู้อพยพ โดยไบเออร์เปิดคลิปวิดีโอสะเทือนอารมณ์ของมารดาของ โจเซลีน นุงกาเรย์ หญิงวัย 12 ขวบ ที่ถูกฆาตกรรมโดยผู้อพยพข้ามชายแดนผิดกฎหมาย และถูกปล่อยตัวออกจากการจองจำ ให้แฮร์ริสดู
ไบเออร์ตั้งคำถามว่า เธอควรจะกล่าวข้อโทษต่อครอบครัวชาวอเมริกันที่ถูกสังหารโดยผู้อพยพผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งแฮร์ริสตอบว่า “ฉันเสียใจอย่างยิ่งต่อความสูญเสียของเธอ” “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโศกนาฏกรรม อย่างไม่ต้องตั้งคำถามใดๆ เลย”
หัวหน้าผู้สื่อข่าวการเมืองของฟ็อกซ์ นิวส์ ถามต่อเรื่องจุดยืนของแฮร์ริสในปี 2562 ที่ต้องการทำให้การอพยพข้ามพรมแดนเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่เธอถูกกล่าวหาว่า กลับไปกลับมา โดยรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบว่า
“ฉันไม่เชื่อเรื่องการทำให้การอพยพข้ามพรมแดนเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ฉันไม่ได้ทำเรื่องนั้นในฐานะรองประธานาธิบดี และจะไม่ทำในฐานะประธานาธิบดี”
แฮร์ริสยังกล่าวโทษ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่โน้มน้าว สส.รีพับลิกันในสภาคองเกรส ให้โหวตคว่ำร่างกฎหมายการควบคุมชายแดนฉบับใหม่ ที่เดโมแครตกับรีพับลิกันช่วยกันออกร่วมกัน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา “เขาชอบใช้ประโยชน์จากปัญหามากกว่าแก้ปัญหา”
2.ถามเรื่องนโยบายแปลงเพศนักโทษ
ต่อมา ไบเออร์ถามแฮร์ริสเรื่องนโยบายการใช้เงินภาษีของประชาชน ผ่าตัดเปลี่ยนเพศให้แก่นักโทษที่ต้องการ ซึ่งเป็นนโยบายที่แฮร์ริสเคยบอกว่า เธอให้การสนับสนุน
พิธีกรของฟ็อกซ์ นิวส์ ถามว่า ถ้าแฮร์ริสได้เป็นประธานาธิบดี เธอจะใช้ภาษีจากประชาชนไปกับเรื่องนั้นหรือไม่ ซึ่งแฮร์ริสตอบว่า “ฉันจะปฏิบัติตามกฎหมาย”
และเมื่อถูกกดดันให้บอกรายละเอียดเพิ่มเติม แฮร์ริสก็บอกว่า การผ่าตัดลักษณะนั้น เป็นสิ่งที่นักโทษสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่ตอนนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีแล้ว เพียงแต่ไม่เคยมีการผ่านตัดแปลงเพศเกิดขึ้นในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลาง ในขณะที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งเท่านั้น
อนึ่ง สำนักงานทัณฑสถานกลาง (FBP) บอกกับสำนักข่าว บีบีซี ว่า มีนักโทษเรือนจำกลาง 2 ราย รับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2565 และครั้งที่ 2 ในปี 2566
แฮร์ริสเคยระบุตอนหาเสียงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตไปลงเลือกตั้งในปี 2562 ว่า หากเธอได้เป็นประธานาธิบดี เธอจะใช้อำนาจของเธอรับประกันว่า นักโทษและผู้อพยพในศูนย์กักกันจะสามารถเข้าถึงการผ่าตัดรักษาที่จำเป็น และการผ่าตัดแปลงเพศได้
แต่ทีมหาเสียงของแฮร์ริสยืนยันว่า นโยบายนี้ไม่ใช้สิ่งที่แฮร์ริสเสนอหรือผลักดันในการเลือกตั้ง 2567
3.แฮร์ริสพยายามเว้นระยะห่างจากไบเดน
นายไบเออร์พยายามจี้ประเด็นเรื่องที่แฮร์ริสถูกครหาอย่างหนัก ว่าไม่มีนโยบายที่แตกต่างจาก โจ ไบเดน เลย โดยเปิดคลิปคำสัมภาษณ์ของแฮร์ริสเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ระบุว่า ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เธอจะเปลี่ยน เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลไบเดน
คราวนี้ แฮร์ริสพยายามเว้นระยะห่างจากไบเดนมากกว่าเดิมอีก โดยกล่าวว่า “ข้อฉันพูดให้ชัดเจน การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของฉัน จะไม่ใช่การสานต่อการเป็นประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน” โดยไม่ขยายความใดๆ เพิ่มเติม
นายไบเออร์พยายามกดดันเรื่องที่แฮร์ริสเชื่อว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกัน ไม่ต้องการกลับไปสู่ยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยถามว่า เธอคิดว่าคนที่ยังคงเลือกสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ เป็นคนโง่ หรือ ได้รับข้อมูลผิดๆ หรือไม่ ซึ่งแฮร์ริสตอบว่า “ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นเกี่ยวกับชาวอเมริกัน”
...
พิธีกรของฟ็อกซ์ นิวส์ ถามจี้ว่า ทำไมหนึ่งในแคมเปญหาเสียงของแฮร์ริส จึงสัญญาณเรื่องการ “พลิกหน้ากระดาษใหม่” (turn the page) ซึ่งหมายถึงการทิ้งสถานการณ์ยากลำบากไว้เบื้องหลัง และก้าวไปยังบทใหม่ของชีวิต ทั้งที่เธอเป็นรองประธานาธิบดีมาตลอดกว่า 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งแฮร์ริสตอบด้วยการวิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์
4.เลี่ยงคำถามเรื่องสภาพจิตใจไบเดน
แฮร์ริสยังพยายามเลี่ยงคำถามของไบเออร์ เกี่ยวกับความกังวลเรื่องสภาพจิตใจของ โจ ไบเดน
ไบเออร์ถามว่า แฮร์ริสรู้ตัวเป็นครั้งแรกเมื่อไร ว่าสภาพจิตใจของนายไบเดนเริ่มเสื่อมถอย ซึ่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบว่า
“ฉันดูการทำงานของ โจ ไบเดน ตั้งแต่ที่ห้องทำงานรูปไข่ไปจนถึงห้องยุทธการ และเขามีการตัดสินใจและประสบการณ์เพื่อทำสิ่งที่เขาได้ทำมาตลออด ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในนามของชาวอเมริกัน”
และเมื่อถูกถามเพิ่มเติมในเรื่องนี้ แฮร์ริสก็ตอบว่า “โจ ไบเดน ไม่ได้ลงสมัครเลือกตั้ง เป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างหาก”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc