ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ กว่า 240 ล้านคน เตรียมไปลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ ในวันอังคารที่ 5 พ.ย. 2567 นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่อาจเป็นเสียงที่ตัดสินว่า ใครจะได้เป็นผู้นำคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนหนึ่งที่ว่า คือประชากรที่อยู่ในรัฐสวิงสเตท หรือรัฐสมรภูมิ ที่คะแนนนิยมของผู้สมัครจากเดโมแครตกับรีพับลิกัน สูสีกันจนคาดเดาผู้ชนะไม่ได้ ต่างจากรัฐอื่นๆ
รัฐสวิงสเตทจะเปลี่ยนไปในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง โดยวิเคราะห์จากผลสำรวจความคิดเห็นและข้อมูลต่างๆ ซึ่งในปีนี้มีทั้งหมด 7 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา (Arizona), จอร์เจีย (Georgia), เนวาดา (Nevada), นอร์ทแคโรไลนา (North Carolina), เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania), มิชิแกน (Michigan) และวิสคอนซิน (Wisconsin)
ผู้ที่ได้รับชัยชนะจากรัฐเหล่านี้มากที่สุด จะมีโอกาสสูงมากที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา
แอริโซนา
-คณะผู้เลือกตั้ง : 11 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โจ ไบเดน
รีพับลิกันไม่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยไม่คว้าชัยในรัฐแอริโซนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต่างจากเดโมแครตที่ทำได้ถึง 6 ครั้ง โดยรัฐแกรนเคนยอนแห่งนี้ เคยให้การสนับสนุนฝ่ายเดโมแครตเพียง 2 ครั้งเท่านั้นคือในปี 2539 สมัยนาย บิล คลินตัน และ โจ ไบเดน ในการเลือกตั้งปี 2563
แอริโซนาเป็นรัฐที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเม็กซิโก และเรื่องการควบคุมผู้อพยพก็กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ชาวเมืองให้ความสำคัญมาก ทรัมป์ใช้จุดนี้โจมตีแฮร์ริสอย่างได้ผลมาตลอด และประกาศกร้าวด้วยว่า หากเขาได้รับใช้ชนะ เขาจะมีปฏิบัติการเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะได้ใจชาวแอริโซนาไปไม่มากก็น้อย
...
ถึงแม้ว่า ประเด็นเรื่องสิทธิ์ในการทำแท้งจะเริ่มเดือดขึ้นมา และฝ่ายรีพับลิกันในแอริโซนาก็ประสบความล้มเหลวในการกลับไปบังคับใช้กฎหมายห้ามทำแท้งเกือบทุกกรณี ซึ่งมีอายุกว่า 160 ปี แต่นักวิเคราะห์คาดว่า คะแนนของแอริโซนาจะกลับไปเป็นของฝ่ายสีแดงอีกครั้ง (รีพับลิกัน) ในการเลือกตั้งครั้งนี้
จอร์เจีย
-คณะผู้เลือกตั้ง : 16 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โจ ไบเดน
จอร์เจียก็เป็นอีกรัฐที่เดโมแครตชนะรีพับลิกันไปอย่างเฉียดฉิว ในการเลือกตั้งครั้งก่อน และเป็นชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2535 และแฮร์ริสก็ต้องทำให้ได้แบบเดียวกัน หากเธอต้องการกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
ประชากรกว่า 1 ใน 3 ของรัฐจอร์เจีย เป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในประชากรผิวดำขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ และเชื่อกันว่า ไบเดนสามารถซื้อใจจากพวกเขาได้ ทำให้เขาคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งก่อน
แม้ว่าตอนนี้ ชาวแอฟริกันอเมริกันหลายคนในจอร์เจีย จะเริ่มเสื่อมศรัทธาในตัวนายไบเดน แต่การก้าวขึ้นมาของ แฮร์ริส แคนดิเดทหญิงผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ อาจดึงคะแนนจากพวกเขากลับมาได้ นอกจากนั้น ศาลสูงสุดของรัฐจอร์เจียก็เพิยงบังคัยใช้กฎหมายห้ามทำแท้งหากอายุครรภ์เกน 6 สัปดาห์ น่าจะเพียงพอดึงคะแนนจากฝ่ายหัวก้าวหน้าได้ด้วย
มิชิแกน
-คณะผู้เลือกตั้ง : 15 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โจ ไบเดน
นโยบายของเดโมแครตที่สนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามในกาซา ทำร้ายความรู้สึกของชาวมิชิแกนอย่างมาก เพราะรัฐแห่งนี้มีอัตราส่วนประชากรอาหรับ-อเมริกัน มากที่สุดในสหรัฐฯ
แต่กับนายทรัมป์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เขาย้ำว่ามิชิแกนเป็นรัฐที่มีความสำคัญมากต่อเส้นทางไปสู่ชัยชนะของเขา แต่ในการแสดงความเห็นเรื่องตะวันออกกลาง นายทรัมป์เรียกร้องให้อิสราเอลดำเนินแคมเปญการต่อสู้กับฮามาสให้เสร็จสิ้น และเสร็จสิ้นโดยไวด้วย
ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ชาวมิชิแกนหันมาฝั่งเดโมแครตมากขึ้นหลังจขากแฮร์ริสก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนนายไบเดนที่ถอนตัวไป และเธอก็ใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าวกับฝ่ายอิสราเอลมากกว่าไบเดน ทำให้มีโอกาสมากกว่าที่เดโมแครตจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในรัฐนี้
เนวาดา
-คณะผู้เลือกตั้ง : 6 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โจ ไบเดน
เนวาดาเป็นหนึ่งในรัฐที่มีอัตราว่างงานสูงที่สุดในสหรัฐฯ แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และการจ้างงานก็ดีขึ้นในสมัยไบเดน แต่การฟื้นตัวหลังโควิดในเนวาดายังช้ากว่าที่รัฐอื่น ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้ฝ่ายรีพับลิกันและนายทรัมป์ ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นด้านนโยบายเศรษฐกิจมากกว่าแฮร์ริส มีโอกาสคว้าชัชยชนะ
นายทรัมป์ประกาศกร้าวว่า หากเขาชนะเลือกตั้ง เขาจะกลับไปใช้มาตรการลดภาษีเป็นวงกว้าง และลดการตรวจสอบของภาครัฐ
แต่การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ชาวเนวาดามักเอนเอียงไปทางเดโมแครตมากว่า และคะแนนนิยมของฝ่ายเดโมแครตที่เคยตามหลังรีพับลิกันอยู่มากในปีนี้ ก็เริ่มกลับมาหลังแฮร์ริสก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดทแทนไบเดน
หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่จะตัดสินผู้ชนะในรัฐเนวาดาคือ ประชาชกรชาวลาตินอเมริกา ซึ่งทั้งทรัมป์และแฮร์ริส ต่างพยายามอย่างหนักในการชนะใจพวกเขา เพื่อคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้งทั้ง 6 เสียงมาครอบครอง
นอร์ทแคโรไลนา
-คณะผู้เลือกตั้ง : 16 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โดนัลด์ ทรัมป์
ชาวนอร์ทแคโรไลนาเคยโหวตให้เดโมแครตชนะเพียงครั้งเดียวเท่านั้นนับตั้งแต่ปี 2523 นั่นคือตอนที่บารัค โอบามา ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับนาย จอห์น แมกเคน ในปี 2551
นายทรัมป์ก็ชนะที่รัฐนี้ในการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่คะแนนห่างเพียง 70,000 คะแนน และในครั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ความนิยมระหว่างนายทรัมป์กับ น.ส.แฮร์ริสคู่คี่สูสีกันสุดๆ และทั้ง 2 ฝ่ายต่างพยายามหาเสียง และเพื่อดึงคะแนนจากผู้โหวตในรัฐนี้
...
แต่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม เกิดเหตุการณ์ที่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยน คือการมาของพายุเฮอริเคน เฮลีน ซึ่งเล่นงาน 6 รัฐบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ อย่างหนักนานนับสัปดาห์ โดยเฉพาะนอร์ท แคโรไลนา เสียหายมากที่สุด และชาวเมืองจำนวนมากต่างแสดงความไม่พอใจการให้ความช่วยเหลือที่ล่าช้าของรัฐบาลไบเดน
นอกจากนั้น นายทรัมป์ยังไส่ไฟด้วยการกล่าวหาอย่างไม่เป็นความจริงว่า แฮร์ริสนำงบบรรเทาภัยพิบัติหลายพันล้านดอลลาร์ ไปใช้ในการช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายจนหมดแล้ว แม้ฝ่ายรัฐบาลจะออกมาชี้แจ้งว่าไม่เป็นความจริง แต่คำพูดของเขาอาจมีผลต่อประชาชนที่กำลังลำบากไม่มาก็น้อย
เพนซิลเวเนีย
-คณะผู้เลือกตั้ง : 19 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โจ ไบเดน
รัฐสวิงสเตทที่คะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด เป็นสถานที่ที่นายทรัมป์ รอดตายจากความพยายามลอบสังหารครั้งที่ 1 และเป็นที่ตั้งของเมืองสแครนตัน บ้านเกิดของประธานาธิบดี โจ ไบเดน
ที่รัฐนี้ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจถูกให้ความสำคัญมากที่สุด ชาวเพนซิลเวเนียกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูง อันเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อ แต่ราคาสินค้าในรัฐของพวกเขากลับเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่รัฐอื่นๆ ตามข้อมูลจากองค์กรวิจัยข้อมูลตลาด Datasembly
อัตราเงินเฟ้อที่สูงในสมัยของไบเดน (ก่อนจะลดลงในเวลาต่อมา) ทำให้เขาถูกมองด้อยกว่าฝ่ายรีพับลิกันในแง่ของนโยบายเศรษฐกิจ และนายทรัมป์กำลังพยายามใช้กลยุทธ์เชื่อมโยงแฮร์ริสเข้ากับนโยบายเศรษฐกิจของไบเดน เพื่อตัดคะแนนนิยมของเธอด้วย
ผลโพลล่าสุดยังชี้ว่า คะแนนเอนเอียงไปทางนายทรัมป์เล็กน้อย แต่ก็ใกล้กันมากจนไม่อาจฟันธงได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ และอาจตั้งไปวัดกันในวันเลือกตั้งจริง
วิสคอนซิน
...
-คณะผู้เลือกตั้ง : 16 คน
-ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2563 : โจ ไบเดน
ในการเลือกตั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา ผู้ที่รัฐวิสคอนซินโหวตให้เป็นผู้ที่คว้าชัยชนะในท้ายที่สุดมาตลอด โดนพลิกกลับไปเลือกนายทรัมป์ (รีพับลิกัน) ในปี 2559 ก่อนจะสลับไปเลือกไบเดน (เดโมแครต) ในปี 2563 แสดงให้เห็นว่า ที่นี่คือรัฐสมรภูมิที่ไม่เคยปกหลักเลือกข้างฝ่ายใดของจริง
นายทรัมป์เชื่อว่า หากเขาชนะที่วิสคอนซิน เขาจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ และสัญญาณที่บ่งบอกว่า รีพับลิกันต้องการชนะที่รัฐนี้จริงๆ คือการที่พวกเขาจัดการประชุมใช้ของพรรคที่เมือง มิลวอกี เมืองใหญ่ที่สุดของวิสคอนซิน
แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งที่วิสคอนซิน ไม่ใช่ 2 พรรคใหญ่แต่เป็น “มือที่ 3”
ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ชาวรัฐวิสคอนซินจำนวนหนึ่ง ให้การสนับสนุนนาย โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้สมัครอิสระ ก่อนที่เขาจะยุติการหาเสียงแล้วประกาศสนับสนุนนายทรัมป์ นอกจากนั้นยังมีผู้สมัครจากพรรคกรีนอย่าง จิล สตีน มาคอยตัดคะแนนฝ่ายเดโมแครตอีก โดยโจมตีพวกเขาว่าไม่ทำตามกฎการเลือกตั้งของรัฐ
ทว่า ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า คะแนนนิยมของฝ่ายแฮร์ริสนำนายทรัมป์อยู่เล็กน้อย จากการความกังวลเรื่องการรับมือปัญหาสังคมหลายอย่างของนายทรัมป์ ทำให้แฮร์ริสเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่บ้าง
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : paddypower , bbc
...