วันเสาร์สบายๆ วันนี้เราไปคุยเรื่อง “มาเก๊า-ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” กันนะครับ รัฐบาลเพื่อไทย กำลังจะเปลี่ยนประเทศไทยเป็น “ประเทศกาสิโน” แข่งกับมาเก๊าและเพื่อนบ้าน โดยตั้งชื่อโก้หรูว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” อ้างว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีการร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ไว้พร้อมแล้วในคอม เพล็กซ์จะมีทั้ง กาสิโน โรงแรม ศูนย์การค้า เหล้า นารี พาชี กีฬาบัตร สวนสนุก ที่น่ากลัวที่สุดคือ “การพนันออนไลน์” ที่จะมาพร้อมกับกาสิโน ข่าวว่าจะให้ตั้ง 5 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยว กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต เสร็จเมื่อไหร่ไทยจะกลายเป็น “ลาสเวกัสแห่งอาเซียน” ทันที

การลงทุนตั้งบ่อนกาสิโนในไทยก็ถูกมาก กำหนดให้มี ทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท แต่ไม่กำหนดจำนวนเงินที่ต้องลงทุน ใบอนุญาตใบละ 5,000 ล้านบาท มีอายุ 30 ปี ต่ออายุได้ครั้งละ 10 ปี คาดว่าจะสร้างรายได้ให้รัฐบาลปีละ 4-5 หมื่นล้านบาท ไม่รวมเงินสีเทา

รัฐบาลเพื่อไทยได้ใช้ตัวเลขคนไทยที่มีอายุ 18–75 ปี ในปี 2565 ซึ่งมี 37 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในปี 65 ซึ่งมี 11 ล้านคน เป็นฐานคำนวณผู้เข้าใช้บริการ คาดว่าจะมีคนไทยเข้าไปใช้บริการบ่อนกาสิโน 3.7 ล้านคน นักท่องเที่ยว 1.1 ล้านคน ดูแล้วคนเล่นการพนันหลักก็คือคนไทย รัฐบาลเพื่อไทยกำลังจะเอาอนาคตของคนไทยและประเทศชาติไปเสี่ยงกับความหายนะในบ่อนการพนัน เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนควรต้องคิดพิจารณาให้ดี

วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปดู มาเก๊า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” เคยมีบ่อนกาสิโนถึง 42 แห่ง แต่ปัจจุบันรัฐบาลจีนได้ผนวกมาเก๊าเข้าไปอยู่ใน “เขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า” หรือ Greater Bay Area (GBA) ซึ่งครอบคุลม 11 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง มีประชากรรวมกันกว่า 86 ล้านคน (ข้อมูลปี 2565) มีจีดีพีรวมกัน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ หรือ 65 ล้านล้านบาท 3.6 เท่าของจีดีพีประเทศไทยในปี 2565

...

มาเก๊าเคยมีรายได้จากบ่อนกาสิโนสูงถึง 70% ของจีดีพี แต่หลังโควิด รัฐบาลจีนเห็นว่า มาเก๊าควรสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาธุรกิจกาสิโน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ (Economic Resilience) เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้สามารถรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ เดือนมกราคม 2565 สภานิติบัญญัติมาเก๊า ก็ได้ลงมติเห็นชอบให้ ปรับปรุงกฎหมาย “Gambling Industry Law” เพื่อปรับลดระยะเวลาการสัมปทานบ่อนกาสิโนจาก 20 ปี เหลือ 10 ปี (ไทยให้สัมปทาน 30 ปี ต่ออายุได้ครั้งละ 10 ปี) และ จำกัดจำนวนกาสิโนลงมาเหลือเพียง 6 ราย และไม่อนุญาตให้นำไปเช่าช่วงแก่รายย่อย (sub–concession) หากจำเป็นขอขยายเวลาสัมปทานได้อีก 3 ปี (ไทยขยายได้ครั้งละ 10 ปี)

นอกจากนี้ ผู้ได้รับสัมปทานทำบ่อนกาสิโน ต้องทำโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม Corporate Social Responsibility (CSR) ที่สนับสนุนวิสาหกิจ SMEs และ การสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยหน่วยงานควบคุมธุรกิจบ่อนกาสิโนจะเข้าตรวจสอบทุก 3 ปี

นโยบายของรัฐบาลจีน ต้องการเปลี่ยน “มาเก๊า” จาก “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” ให้เป็น “ศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่” ของเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง GBA คู่กับฮ่องกง 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในมาเก๊าแทนบ่อนกาสิโนที่ลดลงก็คือ การจัดตั้ง “ตลาดหลักทรัพย์มาเก๊า” ที่ ซื้อขายหุ้นด้วยสกุลเงินหยวนของจีน เพื่อยกระดับศักยภาพและการขยายตัวของอุปสงค์เงินหยวนในตลาดโลก Wealth Management Connect บริการทางการเงินแบบข้ามพรมแดนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ GBA และ ใช้มาเก๊าเป็นฐานการลงทุนในธุรกิจ Startups เพื่อดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ ฮ่องกง และไต้หวัน โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงินกองทุนและสินทรัพย์ขั้นต่ำ

จีนกำลังพลิกโฉม “มาเก๊า” จากเมืองกาสิโนเป็น “ศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่” แต่รัฐบาลไทยกำลังจะพลิกโฉมประเทศไทยไปสู่ “ความตกต่ำ” เป็น “ประเทศกาสิโน” แข่งกับลาว กัมพูชา แล้วอนาคตประเทศไทยจะสดใสหรือมืดมน ผมคิดว่าคนไทยทุกคนคงตอบได้.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม