- นับตั้งแต่พบผู้ป่วยโปลิโอรายแรกในรอบ 25 ปีในฉนวนกาซา เลขาธิการสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิง เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปฉีดวัคซีนโปลิโอให้แก่เด็กได้ แต่ดูเหมือนในทางปฏิบัติวัคซีนโปลิโอจะยังไปไม่ถึงเด็กๆ ในกาซาแต่อย่างใด
- ขณะที่องค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟ ได้เดินหน้าส่งวัคซีนโปลิโอเตรียมไว้ให้สำหรับเด็กๆ อายุต่ำกว่า 10 ปี ในฉนวนกาซามากถึงกว่า 1.2 ล้านโดสแล้ว และคาดว่าจะมีมาเพิ่มเติมอีกหลายล้านโดสในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ยังคงติดอุปสรรคในการเข้าถึงพื้นที่ เพื่อนำวัคซีนไปฉีดให้แก่เด็ก
- การเจรจาเพื่อจะหยุดยิงอย่างน้อย 7 วันเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปฉีดวัคซีนให้แก่เด็กๆ ได้ยังคงอยู่ในกระบวนการและยังไม่ได้ข้อสรุป จึงยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะสามารถเริ่มให้วัคซีนแก่เด็กๆ ราว 640,000 คนในฉนวนกาซาได้เมื่อใด
ขณะนี้ วัคซีนโปลิโอแบบหยอดปากมากกว่า 1.2 ล้านโดสได้ส่งถึงฉนวนกาซาเรียบร้อยแล้ว และกำลังส่งมาเพิ่มอีกนับล้านโดสในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยจะนำไปใช้กับเด็กๆ อายุต่ำกว่า 10 ปี ที่มีอยู่ราว 640,000 คน คนละ 2 โดส โดยมีการเตรียมแผนที่จะส่งมอบวัคซีนให้ทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องเก็บรักษาวัคซีนในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ท่ามกลางความท้าทายในการนำวัคซีนไปให้ถึงมือเด็กๆ ท่ามกลางสงคราม
การส่งต่อวัคซีนในครั้งนี้มีความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งองค์การอนามัยโลก กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ และกองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อเป้าหมายที่จะให้เด็กๆ ได้รับวัคซีนให้เร็วที่สุดก่อนที่เชื้อโปลิโอจะระบาดหนักท่ามกลางปัญหาสุขอนามัยอื่นๆ ที่ตามมาท่ามกลางภาวะสงคราม
...
แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการเร่งกดดันให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงอย่างน้อย 7 วัน เพื่อเปิดทางให้เด็กๆ ได้รับวัคซีนให้เร็วที่สุด ซึ่งทางกลุ่มฮามาสได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ว่า ทางกลุ่มยินดีที่จะสนับสนุนการหยุดยิงเพื่อการให้วัคซีนโปลิโอ
ด้านรัฐบาลอิสราเอลที่คุมพื้นที่ดังกล่าวอยู่ ระบุว่า หน่วยแพทย์ในท้องถิ่นรวมทั้งจากนานาชาติ จะเร่งให้วัคซีนโปลิโอกับเด็กๆ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในกาซา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และยินดีจะประสานกับกองทัพอิสราเอลให้หยุดสู้รบเพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางไปยังศูนย์การแพทย์ต่างๆ ได้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ การเจรจาเพื่อหยุดสู้รบชั่วคราว ยังคงดำเนินการอยู่ ซึ่งหากสามารถบรรลุข้อตกลงได้ ก็น่าจะสามารถเริ่มให้วัคซีนได้ตามกำหนดในวันที่ 31 สิงหาคมนี้
ดร.ฮามิด จาฟารี ผู้อำนวยการโรคโปลิโอแห่งภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกขององค์การอนามัยโลกระบุว่า พวกเรายังมองในแง่ดี และเห็นสัญญาณที่ดีที่ทุกฝ่ายต้องการจะทำให้งานนี้บรรลุเป้าหมาย และอยากจะให้การให้วัคซีนโปลิโอแก่เด็กๆ ลุล่วง เพียงแต่ในรายละเอียดยังต้องมีการหารือกันต่อไป
เช่นเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงแบบระยะยาวที่มีตัวกลางอย่างสหรัฐฯ กาตาร์ และอียิปต์ก็ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อหวังจะยุติการสู้รบที่ยาวนานถึง 10 เดือน นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากสงครามเพื่อตอบโต้การลอบโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนการเจรจาเรื่องนี้ยังไม่ใกล้เคียงที่จะบรรลุข้อตกลงในเร็วๆ นี้
ความชัดเจนและความเชื่อมั่นต่อวัคซีน
แม้ว่าการหยุดยิงจะเกิดขึ้นจริง การส่งต่อวัคซีนไปยังพื้นที่ก็ยังคงติดปัญหาและอุปสรรคสำคัญอยู่ เพราะการทำงานในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสงคราม และระบบสาธารณสุขที่ย่ำแย่ ไม่ใช่เรื่องง่าย การเก็บรักษาวัคซีนในอุณหภูมิที่เหมาะสมยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก อีกทั้งการเก็บข้อมูลของประชาชนว่าใครบ้างที่ต้องรับวัคซีน และกระจายข่าวไปยังประชาชนเพื่อมาเข้ารับวัคซีนก็ต้องดำเนินการด้วยวิธีการที่หลากหลายไม่ใช่แค่การใช้โซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าถึงข่าวสารได้ ดังนั้นการแจกใบปลิวยังคงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการกระจายข่าวสารเช่นกัน นอกจากนี้การที่ครอบครัวแต่ละครอบครัวจะตัดสินใจเสี่ยงชีวิตออกมาเพื่อรับวัคซีน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะทุกวันนี้ประชาชนเหยื่อสงครามเหล่านี้ ก็ต้องเสี่ยงชีวิตรายวันเพื่อออกมารับอาหาร น้ำดื่ม และเชื้อเพลิงมากพออยู่แล้ว การสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจว่าพวกเขาจะปลอดภัยเมื่อออกมารับวัคซีน จึงสำคัญไม่แพ้กัน โดยทาง UNRWA จะกระจายไปยังหน่วยงานสาธารณสุขราว 10 แห่ง รวมทั้งจะมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มากกว่า 100 จุด เพื่อให้บริการวัคซีนในฉนวนกาซาด้วย
...
การดูแลและเก็บรักษาวัคซีน
องค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟ เป็นหน่วยงานสำคัญที่จะต้องดูแลการเก็บรักษาวัคซีนให้อยู่ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ มิเช่นนั้นวัคซีนอาจจะเสียหาย โดยจำเป็นที่จะต้องเตรียมอุปกรณ์ในการขนย้ายวัคซีนอย่างกล่องน้ำแข็ง ตู้เย็นเคลื่อนที่ รวมทั้งเครื่องปั่นไฟ แผงโซลาร์ และเชื้อเพลิงที่เพียงพอ เพื่อทดแทนการใช้ไฟฟ้าที่ขาดแคลน และถูกตัดไฟในพื้นที่ และเพื่อใช้ในการขนส่งวัคซีนไปยังศูนย์กระจายวัคซีนตามจุดต่างๆ ท่ามกลางอุณหภูมิในกาซา ที่สูงถึง 39.4 องศาเซลเซียสในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ดังนั้นขั้นตอนต่างๆ ในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาวัคซีนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบต้องเป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
ก่อนสงคราม กาซาได้รับวัคซีนครอบคลุมเกือบทุกชนิด แต่หลังจากนั้นก็ลดลงเหลือเพียงกว่า 80% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ WHO หวังว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 90% ถึง 95% เมื่อสิ้นสุดการรณรงค์ครั้งนี้ โดยถ้าหากไม่สามารถ ให้ประชาชน 90% ถึง 95% ในฉนวนกาซาเข้าถึงวัคซีนได้ การระบาดนี้จะดำเนินต่อไป เด็กจะเป็นอัมพาตมากขึ้น และการระบาดนี้จะแพร่กระจายไปยังอิสราเอลและประเทศข้างเคียงด้วย ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ภัยคุกคามระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามระดับโลกอีกด้วย.
...
ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล
ที่มา : นิวยอร์กไทมส์, CNN, UNICEF