เกือบ 55 ปีหลังจากองค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ปล่อยยานอพอลโล 11 (Apollo 11) ซึ่งเป็นภารกิจแรกที่ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ และตอนนี้องค์การนาซากำลังจะส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้งกับโครงการอาร์ทิมิส (Artemis program) โดยไม่ใช่แค่ไปลงเดินประกาศประวัติศาสตร์ แต่จะสำรวจพื้นที่เนื่องจากหวังจะตั้งฐานที่พักบนดวงจันทร์ เพื่อใช้ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เป็นประตูสู่เพื่อนบ้านดวงอื่น เช่น ดาวอังคาร
ในปี พ.ศ.2553 จากภาพเรดาร์ที่ถ่ายโดยยานอวกาศลูนาร์ รีคอนเนอซองส์ ออร์บิเตอร์ (Lunar Reconnaissance Orbiter) ขององค์การนาซา ทำให้นักวิทยาศาสตร์ระบุได้ว่าหลุมขนาดใหญ่ที่พบในภาพดวงจันทร์อาจเป็น “ช่องแสงบนหลังคา” ของถ้ำและอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พื้นผิวดวงจันทร์ อยู่ใกล้กับจุดลงจอดของนักบินอวกาศเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้อาจมีค่าอย่างยิ่งสำหรับนักบินอวกาศในอนาคตที่หวังจะตั้งฐานที่สะดวกสบายบนดวงจันทร์ นักวิทยาศาสตร์เผยว่าการจะเข้าถึงถ้ำได้น่าจะต้องผ่านหลุม Mare Tranquillitatis มีลักษณะเป็นแอ่งขนาดใหญ่ที่เกิดจากหินบะซอลต์ แต่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าน่าจะมีถ้ำอื่นๆอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมกว่าสำหรับการตั้งฐาน ซึ่ง Mare Tranquillitatis ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของนักวิทยาศาสตร์สำหรับการตั้งฐานของมนุษย์ เพราะไม่มีองค์ประกอบสำคัญอื่นๆที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอด การไม่มีน้ำแข็งที่เส้นศูนย์สูตรของดวงจันทร์จึงไม่มีแหล่งน้ำให้นักบินอวกาศบริโภค สร้างออกซิเจน รวมถึงแยกน้ำเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงจรวดได้ง่ายๆ บริเวณเส้นศูนย์สูตรจึงเหมาะแค่ลงจอดยาน เยี่ยมชมสำรวจ แต่ไม่เหมาะที่จะตั้งฐานที่พัก
...
อย่างไรก็ตาม Mare Tranquillitatis เป็นหนึ่งในหลุมลึกในประมาณ 200 หลุมที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักบนพื้นผิวดวงจันทร์ และคาดว่าน่าจะเป็นหลุมที่นำไปสู่ถ้ำหรือระบบอุโมงค์ แต่ยังไม่อาจยืนยันได้จนถึงปัจจุบัน.
Credit : NASA/GSFC/Arizona State University
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่