ความปั่นป่วนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเร็วๆนี้ จากมหากาพย์หุ้น STARK มาจนถึงวิกฤติหุ้น EA ที่ผู้บริหารใหญ่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) กล่าวโทษไซฟ่อนเงินหลายพันล้านบาท ทำให้นึกถึงคำคมของ “วอลแตร์” นักปราชญ์และนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ในยุคเรืองปัญญาของฝรั่งเศส ที่ตีแผ่สังคมชนชั้นนำไว้อย่างเจ็บแสบว่า เบื้องหลังความมั่งคั่งร่ำรวย คืออาชญากรรม
ตั้งแต่โบร่ำโบราณมา มีชนชั้นนำอยู่ในทุกสังคมโลก ที่สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยมาจากการฉ้อฉลและสมคบคิดกับอำนาจรัฐ ยิ่งเป็นการสร้างความมั่งคั่งทันตาเห็นภายในหนึ่งชั่วอายุคน จากธุรกิจการผูกขาด และสัมปทาน จนติดอันดับมหาเศรษฐีหน้าใหม่ของฟอร์บส์ ก็สันนิษฐานได้เลยว่าน่าจะมีอาชญากรรมบางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว
ถามว่า “วอลแตร์” เป็นใครมาจากไหน ทำไมอหังการกล้าต่อกรกับชนชั้นนำมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 และฝากวาทกรรมคมกริบบาดจิตบาดใจมาจนถึงปัจจุบัน เขามีชื่อจริงว่า “ฟรองซัวส์-มารี อารูเอ” เกิดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 1694 เป็นนักปราชญ์, นักเขียน และนักประวัติ ศาสตร์ในยุคเรืองปัญญาของฝรั่งเศส โด่งดังเป็นที่รู้จักภายใต้นามปากกา “วอลแตร์” เขาตั้งตัวโจมตีการจัดตั้งศาสนจักรคาทอลิกในฝรั่งเศส และสนับสนุนเสรีภาพทางศาสนา, เสรีภาพในการพูด ตลอดจนผลักดันให้มีการแบ่งแยกศาสนจักรออกจากรัฐ
แม้จะเป็นขวัญใจชนชั้นกระฎุมพี (ชนชั้นกลาง และชนชั้นพ่อค้าวาณิช) แต่ชีวิตของเขามีปัญหากับผู้มีอำนาจรัฐเฉพาะในช่วงแรกที่ติดคุกเท่านั้น เพราะไปเขียนบทละครและโคลงกลอนเสียดสีผู้มีอำนาจ แต่เมื่อพ้นโทษออกมา เขาได้เขียนบทละครถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เป็นที่ถูกพระทัยอย่างมาก จึงได้รับการอุปถัมภ์ เข้าเป็นกวีประจำราชสำนัก ภายหลังมีเรื่องพิพาทกับขุนนางใหญ่ทรงอิทธิพล จึงต้องลี้ภัยไปพำนักที่เกาะอังกฤษอยู่ 2 ปี ทำให้เขาได้ซึมซับบรรยากาศของเสรีภาพในแบบแดนผู้ดี ซึ่งมีการคานอำนาจกันอย่างดีระหว่างสถาบันกษัตริย์และรัฐสภา เมื่อกลับมายังบ้านเกิดจึงเขียนผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกคือ “Lettres sur les Anglaises” หรือ “Lettres philosophiques” จดหมายจากอังกฤษ เป็นความเรียงในรูปแบบจดหมายสมมติ หนังสือเล่มนี้แจ้งเกิดให้เขาในวงการนักเขียนและปัญญาชน กลายเป็นตัวพ่อของนักเขียนคารมเผ็ดร้อน, สนุกโลดโผน, เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน และการเสียดสีสังคม เขายังมีพรสวรรค์อย่างมากในการอธิบายแนวคิดสลับซับซ้อนให้เป็นเรื่องเข้าใจง่าย
...
ผลงานตลอดชีวิตของ “วอลแตร์” ไม่ว่าจะเป็น นวนิยาย, บทละคร, นิทานเชิงปรัชญา, ประวัติศาสตร์ และบทกวี ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ทางความคิดในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ให้คนฝรั่งเศส ทำให้เกิดการตั้งคำถามต่อปรากฏการณ์ต่างๆในสังคม รวมถึงสถาบันการเมืองการปกครอง เรียกได้ว่าเขาคือผู้มีอิทธิพลอย่างมากในยุคศตวรรษที่ 18 และเป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งด้านการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม และศาสนา
แนวคิดส่วนใหญ่ของ “วอลแตร์” ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเสรีภาพพลเมือง เขาถือว่าคนเกิดมาอย่างเสรีและมีเสรีภาพเป็นอาภรณ์ประดับตัว รัฐที่มีอำนาจควบคุมคนและสังคมเกิดขึ้นในภายหลัง กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆในการจัดระเบียบสังคมก็เกิดขึ้นทีหลัง เขาเน้นเสรีภาพทั้งด้านการเมือง, สังคม, ศาสนา รวมไปถึงเศรษฐกิจ
บั้นปลายชีวิตของ “วอลแตร์” มิได้ทุกข์เข็ญเหมือนนักต่อสู้เพื่อสังคมจำนวนมาก เขาใช้ชีวิตกว่า 2 ทศวรรษ อยู่ในปราสาทหลังใหญ่ใกล้พรมแดนสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตในวัย 83 ปี ได้รับการเชื้อเชิญจากราชบัณฑิตยสภาของฝรั่งเศสให้เดินทางกลับมาเยือนกรุงปารีส ท่ามกลางการต้อนรับอย่างเอิกเกริกจากฝูงชน เขานอนตายตาหลับในฐานะฮีโร่ตลอดกาลของชนชั้นกลาง ผู้กระตุกความคิดให้เสรีชนทั้งโลก.
มิสแซฟไฟร์
คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม