นสพ.โพลิติโก สื่อการเมืองของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ว่าพรรคเดโมแครตกำลังอยู่ในสภาวะวิตกกังวลและตื่นตระหนกอย่างหนักจากผลลัพธ์ระดับหายนะจากการขึ้นเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์นัดแรกของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 81 ปี จากพรรคเดโมแครต เผชิญหน้ากับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 78 ปี จากพรรครีพับลิกัน ที่สตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ในนครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับช่วงเช้าวันที่ 28 มิ.ย.ในประเทศไทย ทำให้สมาชิกพรรคเดโมแครตกำลังหารืออย่างแข็งขันถึงความเป็นไปได้ในการหาบุคคลอื่น สู้ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.แทนไบเดน

รายงานของโพลิติโกระบุว่าที่ปรึกษาอาวุโสของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคเดโมแครตแสดงความเห็นตลอดการดีเบต 90 นาที ไบเดนทำได้แย่มากทั้งเนื้อหาสาระ การนำเสนอ ยังพ่ายแพ้ในการตอบโต้กลับ รวมทั้งอวัจนภาษา เรียกว่าไม่มีจุดใดเลยที่ทำได้ดีในการประชันหน้ากับทรัมป์เป็นครั้งแรก บรรดาผู้บริจาครายใหญ่ให้ไบเดนจำนวนมากยังส่งข้อความถึงทีมที่ปรึกษากระตุ้นว่าจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างกับการดีเบตครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ บางรายยังเสนอผู้สมัครของตนเอง แทนไบเดน แม้จะยอมรับว่าอาจไม่มีทางเลือกเว้นแต่ไบเดนจะยอมถอนตัวออกไป

อย่างไรก็ตาม โพลิติโกยังระบุว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตที่มีศักยภาพโดดเด่นสำหรับศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2571 อย่างน้อย 2 คน ได้แก่ นาย เจ.บี. พริตซเคอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ และนาย เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ต่างแสดงจุดยืนสนับสนุนไบเดนแม้จะเห็นผลการดีเบตก็ตาม โดยนิวซัม ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องยกเลิกหรือหันหลังกลับเพียงเพราะผลงานเพียงครั้งเดียว หลังจากถูกสื่อกดดันสอบถามขอความเห็นว่าไบเดนควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ ทั้งที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไบเดนต้องดิ้นรนพยายามอย่างหนักตลอดการอภิปราย ยิ่งสร้างความกังวลหนักมากขึ้นเกี่ยวกับความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเนื่องจากอายุ

...

ยิ่งไปกว่านั้นผลสำรวจของช่องซีเอ็นเอ็นในกลุ่มผู้ที่ดูการอภิปรายชี้ให้เห็นว่าผู้ชม 67 เปอร์เซ็นต์ให้ทรัมป์เป็นผู้ชนะการดีเบตครั้งนี้ เทียบกับ 33 เปอร์เซ็นต์ที่มองว่าไบเดนเป็นผู้ชนะ ที่แย่กว่านั้นก็คือผู้ชม 57 เปอร์เซ็นต์มองว่าไม่มีความมั่นใจในความสามารถของไบเดนในการเป็นผู้นำประเทศ ในขณะที่ 44 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าไม่มั่นใจในความสามารถ ของทรัมป์ในการเป็นผู้นำประเทศ โดยแบบสำรวจดังกล่าวมีอัตราความผิดพลาดอยู่ที่ 5.5 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ทีมงานของไบเดนอ้างว่าที่ทำผลงานไม่เข้าตาในช่วงแรกของการดีเบตก็เพราะว่าผู้นำสหรัฐฯป่วยเป็นไข้หวัด.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่