วันเสาร์สบายๆ วันนี้เราไปคุยเรื่อง “Soft Power ญี่ปุ่น” กันนะครับ เมื่อวันอังคาร นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศรื้อฟื้น Soft Power ญี่ปุ่น ที่เรียกว่า “Cool Japan” กลับมาสร้างเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ หลังจากที่คอนเทนต์ญี่ปุ่น เช่น มังงะ (หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น) อนิเมะ (หนังการ์ตูนญี่ปุ่น) วิดีโอเกมญี่ปุ่น ได้รับความนิยมจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปี 2022 อุตสาหกรรมเหล่านี้ทำรายได้เข้าประเทศญี่ปุ่นสูงถึง 4.7 ล้านล้านเยน กว่า 1.1 ล้านล้านบาท เทียบเท่ายอดส่งออกอุตสาหกรรมเหล็ก และเกือบเท่ายอดส่งออกอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ดังนั้น รัฐบาลญี่ปุ่น จึงตัดสินใจพลิกฟื้น “อุตสาหกรรมสร้างสรรค์” (content creation business) ให้เป็น “อุตสาหกรรมพื้นฐาน” เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

การ reboot Cool Japan ซอฟต์พาวเวอร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ “New Cool Japan Strategy” โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าที่จะ ขยายตลาดหนังสือการ์ตูน หนังการ์ตูน วิดีโอเกม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ รวมทั้ง เนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก หวังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านล้านเยน 129,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 4.7 ล้านล้านบาท ภายในปี 2033 รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ขยายเป้าหมายของ Cool Japan ไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น คอนเทนต์ที่เป็นญี่ปุ่น สินค้าเกษตรญี่ปุ่น แฟชั่นญี่ปุ่น เครื่องสำอางญี่ปุ่น รวมทั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อขยายรายได้จาก Cool Japan เพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านล้านเยนต่อปี หรือ 12 ล้านล้านบาทต่อปีภายในปี 2033

...

ยุทธศาสตร์ Cool Japan ญี่ปุ่นทำกันอย่างจริงจัง ลงลึกไปถึง การสร้างคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น การค้นหา new talent คนที่มีความคิดสร้างสรรค์เก่งๆมาสร้างเป็น creators รวมทั้งการเพิ่มจำนวนนักศึกษาที่จบปริญญาเอกในด้านนี้อีกด้วย

นายกฯคิชิดะ ได้วางยุทธศาสตร์ New Cool Japan ให้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ด้านทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลจะช่วยปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ทั่วโลก เช่น อนิเมะ มังงะ ซึ่งผู้เขียนซีรีส์ที่โด่งดังอย่าง One Piece และ Jujutsu Kaisen ได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลจากการละเมิดลิขสิทธิ์

นโยบาย Cool Japan เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2010 สมัย รัฐบาลนาโอะ คัน หวังให้ Cool Japan สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งใหม่

สมัย นายกฯชินโซ อาเบะ ในปี 2012 ได้ผลักดันยุทธศาสตร์นี้ต่ออย่างจริงจัง มีการแต่งตั้ง รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบยุทธศาสตร์ Cool Japan (Ministry in Charge of Cool Japan) เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 4 ด้าน คือ การ Upskill/Reskill ให้กับนักสร้างสรรค์ญี่ปุ่น มีหลักสูตรระยะสั้น ระยะยาว เช่น การจัดการท่องเที่ยวในท้องถิ่น การทำอาหาร การสร้างแบรนด์สินค้าท้องถิ่น การสร้างกระแสนิยมในคอนเทนต์ญี่ปุ่น เช่น เทศกาลเนื้อหาญี่ปุ่นนานาชาติ Japan International Content Festival การสนับสนุนการบุกตลาดโลก และ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาสัมผัสความคูลในญี่ปุ่น

มาถึงวันนี้ ยุทธศาสตร์ Cool Japan ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลไปเที่ยวญี่ปุ่นจนรับไม่หวาดไม่ไหว มังงะ และ อนิเมะ ก็ได้รับความนิยมสูงจากคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ฉายใน Netflix ก็ได้รับความนิยมสูงมาก และยังมีหนังญี่ปุ่นอีกมากที่ได้รับความนิยมแต่ยังไม่ได้ฉายใน Netflix ซึ่งจะทำรายได้ในอนาคต อีกมหาศาล

ผมก็เก็บเอา ยุทธศาสตร์ new Cool Japan ซึ่งเป็น Soft Power ญี่ปุ่น มาเล่าสู่กันฟังครับ ถ้าทำกันจริงจังอย่างมียุทธศาสตร์ ก็สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นกอบเป็นกำ ไม่แพ้การท่องเที่ยว Cool Japan ใหม่ ญี่ปุ่นตั้งเป้ารายได้สูงถึง 50 ล้านล้านเยน 12 ล้านล้านบาทในอีก 9 ปีข้างหน้า ทีม Soft Power ไทย น่าศึกษาไว้เป็นตัวอย่างนะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม