- การเลือกตั้งใหญ่ของอินเดียสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยชัยชนะของพรรค BJP กับกลุ่มพันธมิตรของพวกเขา แต่พวกเขากลับได้ สส.น้อยลงอย่างน่าตกใจ
- นักวิเคราะห์มองว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะปัญหาความเป็นอยู่และเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ส่งผลต่อการเลือกตั้งมากกว่าที่เคยคิดเอาไว้
- ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคำถามว่า นายโมดี จะสามารถปกครองรัฐบาลผสมที่ต้องจับมือร่วมกับพรรคอื่นๆ ต่างจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่ BJP ครองเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียวได้หรือไม่
การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอินเดีย ซึ่งจัดมาราธอนนานร่วม 6 สัปดาห์ ถึงจุดสิ้นสุดอย่างแท้จริงแล้วในวันอังคารที่ 4 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา หลังผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการชี้ว่า พรรคภารตียชนตา (BJP) ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี กับกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDA) ของเขา คว้าชัยชนะตามความคาดหมาย
แต่ที่ผิดคาดคือ พรรค BJP คว้าเสียงข้างมากในสภาไม่สำเร็จเป็นครั้งแรกรอบ 10 ปี จำนวน สส.หายไปมากกว่า 50 คน ทำให้พวกเขาต้องพึ่งพาพรรคอื่นๆ ในกลุ่มพันธมิตร เพื่อให้สามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ สวนทางกับกลุ่มฝ่ายค้านที่ทำผลงานได้ดีกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนมาก
อะไรเป็นสาเหตุให้พรรคของ นายโมดี ที่ดูเหมือนจะครองอำนาจอย่างมั่นคงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สูญเสีย สส.ในสภาไปมากมายขนาดนี้ ถึงขั้นทำให้พวกเขาคว้าเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดไม่สำเร็จ และเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3 ของเขาอย่างไรบ้าง?
...
ผลการเลือกตั้งสุดผิดคาด
ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเสร็จเมื่อวันอังคารชี้ว่า พรรค BJP และกลุ่ม NDA ของนายโมดี ได้เก้าอี้ สส.ในสภาผู้แทนราษฎรมากพอจะจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไปเพื่อบริหารอินเดียได้ แต่พรรค BJP กลับได้ สส.ในสภาเพียง 240 คน จากทั้งหมด 543 คน ไม่ถึงครึ่ง หรือ 272 คน ซึ่งจำเป็นต่อการคว้าเสียงข้างมาก
ก่อนการเลือกตั้งจะเริ่มขึ้น นายโมดี ตั้งเป้าหมายว่ากลุ่มพันธมิตรของเขาจะต้องคว้าเก้าอี้ สส.ให้ได้ถึง 400 ที่นั่ง แต่ผลที่ออกมานอกจากจะผิดเป้าไปเยอะแล้ว พรรค BJP ของเขาจะได้ สส.ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ในปี 2562 ถึง 63 ที่นั่ง ทำให้เขาต้องพึ่งพาพรรคอื่นในกลุ่ม NDA เพื่อให้สามารถครองเสียงข้างมาในสภาได้
แต่ผลรวมที่ออกมาพบว่า BJP กับ NDA ได้ สส.รวมกันทั้งสิ้น 293 ที่นั่ง ลดลงจากการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีก่อน ที่พวกเขาได้เก้าอี้ในสภาไปถึง 353 ที่นั่ง และไม่เพียงพอที่จะคว้าเสียงข้างมากแบบเด็ดขาด
ในขณะเดียวกัน INDIA กลุ่มพันธมิตรพรรคฝ่ายค้านซึ่งนำโดยพรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดีย ของนายราหุล คานธี ได้ สส.รวมมากถึง 234 คน โดยแค่พรรคคองเกรสฯ ก็ครองเก้าอี้ สส.ถึง 99 ที่นั่งแล้ว เพิ่มจาก 52 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งปี 2562 นอกจากนั้นพวกเขายังสามารถเบียดแทรกแย่ง สส.จากรัฐคุชราต บ้านเกิดของนายโมดี ที่ BJP ครองมาตลอดได้ 1 ที่นั่ง
ทำไมพรรคโมดีได้ สส.น้อยลงอย่างน่าตกใจ?
นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า สาเหตุที่ผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้ เป็นเพราะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่พอใจในปัญหาต่างๆ เช่น อัตราว่างงานสูง รวมถึงเทคนิคที่พรรค BJP ใช้เพื่อกดพรรคฝ่ายค้าน
ดร.อีร์ฟาน นูรุดดิน ศาสตราจารย์วิชาการเมืองอินเดีย จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ บอกกับสำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย (CNA) ว่า ปัญหาเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้มากกว่าที่พรรค BJP คาดเอาไว้ “เศรษฐกิจของอินเดียไม่ได้บูมอย่างที่ตัวเลขสถิติหลายๆ ตัวบ่งชี้ ค่าจีดีพีก็ดูดีเกินไปมากๆ”
นอกจากนั้นอินเดียก็กำลังเผชิญวิกฤติอัตราว่างงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยจากจำนวนประชากรมหาศาลถึง 1.4 พันล้านคน มีชาวอินเดียไม่ถึง 10% ที่ทำงานในระบบ (Formal Sector) และเกือบ 83% ของผู้ว่างงานในอินเดียเป็นกลุ่มคนอายุน้อย
“ความไม่พอใจในพื้นที่ชนบทนั้นสูงมาก และประชากรส่วนใหญ่ในอินเดียยังต้องหารายได้จากการทำเกษตรกรรมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นไปโดยไม่ค่อยดีนัก ความมั่นคงทางอาหารก็กำลังสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น” ดร.นูรุดดิน กล่าว
เขาเสริมด้วยว่า ถึงแม้บุคคลร่ำรวยผู้ครอบครองทรัพย์สินมหาศาลจะผุดขึ้นในอินเดียเป็นดอกเห็ด แต่นั่นไม่ใช่ความเป็นจริงสำหรับชาวอินเดียอีกหลายร้อยล้านคนที่เหลือ
“ผมคิดว่าพวกเขา... พบว่าการเน้นย้ำเรื่องปัญหาความยุติธรรมในสังคม และปัญหาเศรษฐกิจของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านนั้นน่าดึงดูดกว่า และบางทีพวกเขาอาจรู้สึกว่า BJP ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องความปรารถนาและความต้องการของพวกเขา” ดร.นูรุดดิน ระบุ
ด้านนายนีรันจาน ซีร์การ์ สมาชิกอาวุโสจากศูนย์วิจัยนโยบาย ในกรุงนิวเดลี เน้นย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้จะมาถึง นั่นคือการที่ BJP ใช้สถาบันต่างๆ ของรัฐ เล่นงานและกดพรรคฝ่ายค้าน ทั้งการจับกุมมุขมนตรี, หลายคนถูกเจ้าหน้าที่ภาษีเข้าตรวจสอบ และบัญชีธนาคารถูกอายัด ทำให้ไม่สามารถหาเสียงได้อย่างที่ควร
“ผมคิดว่ามีการยอมรับการอย่างกว้างขวางกว่าที่คิดว่านี่อาจไม่ใช่การเลือกตั้งที่ยุติธรรมนัก และสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีการใช้วาทกรรมว่า นี่คือการเลือกตั้งเพื่อช่วยประชาธิปไตย” นายซีร์การ์ กล่าว
ขณะที่ ดร.นูรุดดิน บอกอีกว่า สิ่งที่น่าประหลาดใจอีกอย่างคือ พรรค BJP ทำผลงานในภาคเหนือของประเทศได้แย่มาก โดยเฉพาะที่รัฐอุตตรประเทศซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ และเป็นฐานเสียงที่ช่วยให้พวกเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2557 และปี 2562
“ถ้อยคำรุนแรงมากมายที่ BJP เริ่มใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ เกี่ยวกับการต่อต้านมุสลิมและเน้นย้ำเรื่องสัญลักษณ์นิยมทางศาสนานั้น ไม่โดนใจประชาชนเลย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียง ซึ่งนั่นค่อนข้างน่าประหลาดใจ และน่าตกใจสำหรับผู้สังเกตการณ์หลายคน” ดร.นูรุดดิน กล่าวเสริม
“คุณไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของคนยากจนที่กำลังหิวโหย ด้วยการพูดถึงพระเจ้าและศาสนาตลอดได้”
...
BJP ไม่ได้เสียงข้างมาก ส่งผลกับโมดีอย่างไร?
ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พรรค BJP ครองเสียงข้างมากในสภาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใครมาตลอด ทำให้ นายโมดี สามารถสร้างภาพลักษณ์ผู้นำที่เด็ดขาด และน่าดึงดูดมาได้ตลอด แต่ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาพรรคอื่นในการบริหารแล้ว ทำให้เกิดคำถามว่า เขาจะสามารถปกครองรัฐบาลได้หรือไม่
นายซีร์การ์ กล่าวว่า นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ เพราะเรารู้จัก นายโมดี เพียงในฐานะผู้ที่ปกครองด้วยอำนาจเด็ดขาดเท่านั้น และ ‘ปรากฏการณ์โมดี’ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็มีรากฐานมาจากการปกครองแบบนั้น โมดีที่ต้องประนีประนอมกับพรรคพวก ไม่ใช่โมดีที่ทุกคนรู้จักเลย
เมื่อวันอังคาร นายโมดี ให้เครดิต นายนิติช กุมาร ผู้นำพรรค JD(U) ที่พากลุ่มพันธมิตรชนะครั้งใหญ่ที่รัฐพิหาร แต่ 2 คนนี้มีความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งชังมานานแล้ว และพรรค JD(U) กับพรรค TDP ก็เคยสลับขั้วไปมาระหว่าง BJP กับพรรคฝ่ายค้านหลายครั้ง ทั้งสองพรรคยังพึ่งพาผู้โหวตชาวมุสลิม และเว้นระยะห่างจากนโยบายฮินดูเป็นใหญ่ของ BJP ด้วย
นายราชีด คิดไว นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวว่า นี่จะเป็นเรื่องยากสำหรับ นายโมดี เพราะกลุ่มพันธมิตรมาด้วยความคาดหวังบางอย่าง รวมถึงการนั่งตำแหน่งสำคัญ ซึ่งความสามารถในการต่อรองของเขาจะได้รับการทดสอบภายใต้รัฐบาลผสม ซึ่งไม่เกิดขึ้นในอินเดียมานานตั้งแต่ช่วงก่อนปี 2557
“เกมที่เขาต้องเล่นคือ การทำให้พันธมิตรพอใจ และยอมสละเก้าอี้รัฐมนตรีบ้าง แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีความหมายมากนักในรัฐบาลอินเดีย อย่างที่เราเห็นมาตลอด” นายซีร์การ์ กล่าว
ขณะที่ นายนิลานจาน มุโคปัทยาย (Nilanjan Mukhopadhyay) ผู้เขียนอัตชีวประวัติของนายโมดี กล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โมดี จำเป็นต้องจัดการข้อเรียกร้องของพันธมิตรอย่างพอเหมาะ หากเขาต้องการรักษารัฐบาลผสมของเขาเอาไว้
“โมดี ไม่มีทางเลือกอื่น หากเขาอยากปฏิบัติตัวเหมือนกับที่เขาทำมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขาก็คงต้องออกจากตำแหน่ง” นายมุโคปัทยาย ระบุ “โมดี จะต้องมองหาอุปนิสัยใหม่ที่ถ่อมตัวและเปิดกว้าง พร้อมทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งเป็นด้านที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากชายคนนี้”.
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : cna, aljazeera
...