• เทย์เลอร์ สวิฟต์ ออกอัลบั้มใหม่ล่าสุด "The Tortured Poets Department" เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ที่ถือเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 11 ของเธอ ด้วยเพลง 16 เพลง ก่อนที่จะเผยว่า อัลบั้มนี้เป็นดับเบิลอัลบั้ม ที่มีอัลบั้มแยกที่มีชื่ว่า The Tortured Poets Department: The Anthology ที่มีเพลงอีก 15 เพลง
  • สวิฟต์เป็นที่รู้จักกันดีว่าเธอมักแต่งเพลงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว และเธอก็ไม่ใช่นักดนตรีคนแรกที่ร้องเพลงเกี่ยวกับความอกหัก ความเจ็บปวด และความโศกเศร้า แต่ในอัลบั้ม The Tortured Poets Department สวิฟต์ได้ชี้ให้เห็นถึงความกังวล ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในศตวรรษที่ 21 ที่คนรุ่นมิลเลนเนียลหลายคนเคยประสบเมื่ออยู่ในความสัมพันธ์
  • นักวิจารณ์กล่าวว่า ถึงแม้สวิฟต์มักจะแต่งเพลงถึงแฟนเก่าของเธอ แต่เธอก็มักแสดงความรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอยู่เสมอ เนื่องจากแฟนเก่าทั้งสองที่เธอดูเหมือนจะพูดถึงในอัลบั้มล่าสุดนี้เป็นนักแต่งเพลงด้วย พวกเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะตอบโต้กลับผ่านงานของพวกเขาเอง และทั้งคู่อาจคิดว่าทุกอย่างยุติธรรมดีทั้งในเรื่องความรักและเนื้อเพลง

สำหรับนักข่าวหญิงสองคนในวัย 30 ปี ซึ่งบังเอิญเป็น "สวิฟตี้ส์" ตัวยง มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่เป็นเรื่องจริง ตั้งแต่เรื่องแฟนเก่าที่หลอกลวงเรามาตลอดเวลา ไปจนถึงการกินข้าวอย่างสบายๆ หลังจากการเลิกรา ซึ่งทั้งเราทุกคน รวมถึงสวิฟต์เองต่างก็เคยไปถึงจุดนั้นมาแล้ว

สวิฟต์เป็นที่รู้จักกันดีว่าเธอมักแต่งเพลงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว และเธอก็ไม่ใช่นักดนตรีคนแรกที่ร้องเพลงเกี่ยวกับความอกหัก ความเจ็บปวด และความโศกเศร้า แต่ในอัลบั้ม The Tortured Poets Department สวิฟต์ได้ชี้ให้เห็นถึงความกังวล ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในศตวรรษที่ 21 ที่คนรุ่นมิลเลนเนียลหลายคนเคยประสบเมื่ออยู่ในความสัมพันธ์

...

อย่างเพลง So Long, London ที่ถือเป็นเพลงหมัดเด็ด เนื้อเพลงตอนหนึ่งเขียนว่า "ฉันโกรธมากที่คุณให้ฉันมอบความเยาว์วัยทั้งหมดให้คุณฟรีๆ" ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับโจ อัลวิน อดีตแฟนหนุ่มของเธอ

แม้สวิฟต์จะเป็นนักดนตรีที่มีชื่อดังระดับโลก มีเพื่อนเป็นคนดังมากมาย และมีสินทรัพย์มหาศาลหลายพันล้านดอลลาร์ แต่เธอเป็นผู้หญิงอายุ 34 ปี ซึ่งเข้าใจดีถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเวลาที่กำลังหมดไปกับการตามหา "ใครคนนั้น" และการสร้างครอบครัว

รีเบคกา รีด "สวิฟตี้ส์" ในวัย 30 ต้นๆ บอกว่า อัลบั้ม The Tortured Poets Department เหมือนถูกเขียนขึ้นเพื่อแทนความรู้สึกของเธอ "สำหรับ So Long, London ซึ่งจริงๆ แล้ว เกือบทุกเพลง มีอะไรมากมายเกี่ยวกับความคิดที่คุณมอบให้ใครสักคนในวัยเยาว์ และคุณไม่สามารถเอาสิ่งนั้นกลับคืนมาได้ และนั่นเป็นความรู้สึกที่โดนใจฉันจริงๆ"

ในอีกเพลงหนึ่ง Down Bad สวิฟต์ร้องเพลงว่า "ตอนนี้ฉันแย่แล้ว ฉันกำลังร้องไห้อยู่ที่ยิม" ซึ่งเนื้อเพลงแบบนี้เองที่โดนใจใครหลายๆ คน เพราะใครบ้างที่ไม่เคยรู้สึกหดหู่ใจจากการเลิกรา ซึ่งทำให้คุณเสียน้ำตาขณะพยายามทำกิจวัตรประจำวัน ส่วนเนื้อเพลงอื่นๆ เผยให้เห็นว่าเธอหดหู่เกินกว่าจะลุกจากเตียงได้ ในขณะที่สวิฟต์เขียนเกี่ยวกับการกินซีเรียลสำหรับเด็กแบบสบายๆ 

สำหรับไซรา ทเวตส์ ซึ่งอายุเกือบ 30 ปี และเป็นสาวสวิฟตี้ส์ผู้มุ่งมั่น ยิ่งเธอฟังเพลงมากเท่าไร เธอก็ยิ่งเข้าถึงเพลงเหล่านั้นได้มากขึ้นเท่านั้น "เรื่องราวของเธอมีความเฉพาะเจาะจงมาก และมันสามารถสรุปความมึนงงและความว่างเปล่าของการเลิกราได้"

ส่วนเนื้อเพลง I Can Do It With A Broken Heart ตอนหนึ่งบอกว่า "ใจสลาย ฉันล้มลงกับพื้น ชิ้นส่วนทั้งหมดของฉันแตกเป็นเสี่ยงในขณะที่ฝูงชนร้องตะโกนว่า 'เอาอีก'

'สวิฟต์ยังคงพบกับความสิ้นหวังในการออกเดต'

รีดกล่าวว่า "เพลงคือการบอกทุกคนว่าคุณสบายดี มีความคิดสร้างสรรค์ และพยายามก้าวผ่านเมื่อคุณไม่ได้ให้พื้นที่ตัวเองในการเยียวยาหรือโศกเศร้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการ" 

"นี่เป็นอีกครั้งที่มันสามารถสะท้อนความรู้สึกของฉันได้จริงๆ เพราะฉันใช้เวลาในช่วงแรกๆ ของการเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลิกรา และไปออกทีวี วิทยุ และเขียนหนังสือ และบอกทุกคนว่าฉันยอดเยี่ยมแค่ไหนและมีความสุขแค่ไหน ทั้งที่จริงๆ แล้วฉันกำลังจัดการกับความบอบช้ำทางจิตใจที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต"

...

เฮเลน บราวน์ นักวิจารณ์เพลงของหนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนต์ กล่าวว่า ผู้หญิงจำนวนมากพบว่าเพลงของสวิฟต์เป็นเพลงประกอบชีวิตของพวกเขา

"การร้องเพลงที่ชี้ให้เห็นถึงการถูกล่อลวงที่นำไปสู่การแต่งงานและการมีลูก สวิฟต์ได้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่เผชิญหน้ากับคนรุ่นหนึ่ง ที่กำลังจะแต่งงานและมีลูกโดยเฉลี่ยจะช้ากว่าคนในทศวรรษ 1990 ถึง 5 ปี"

"มันเป็นสิ่งตอกย้ำและสิ่งที่น่าตกใจพอๆ กันที่คิดว่า แม้คนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกับเธอจะไม่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน แต่สวิฟต์ก็ยังคงพบกับความสิ้นหวังในความสัมพันธ์กับคนรักของเธอ"

ในการบอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ในยุคใหม่ สวิฟต์ไม่เคยลังเลที่จะเขียนเพลงเกี่ยวกับแฟนเก่าของเธอ หลายๆ คนกำลังคาดเดาเกี่ยวกับอัลบั้มล่าสุดของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอัลวิน และแมตตี ฮีลีย์ จากวง The 1975 ขณะเดียวกันก็พูดถึงทราวิส เคลซี แฟนคนปัจจุบันของเธอด้วย

เจตนารมณ์ของเธอถูกเปิดเผยผ่านปกของอัลบั้ม ผ่านข้อความที่ว่า "รอยยิ้มคืบคลานบนใบหน้าของกวีคนนี้ เพราะเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดที่ฉันเขียนได้ดีที่สุด"

สวิฟต์และอัลวินแยกทางกันในเดือนเมษายน 2566 เมื่อเธอประกาศการมาถึงของอัลบั้มใหม่ในเวลาต่อมา แฟน ๆ ต่างก็เริ่มคาดเดาทันทีว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับการเลิกราครั้งนี้ ขณะที่ชื่ออัลบั้มที่เธอเลือกนั้น ยังสะท้อนถึงกลุ่มแชตใน WhatsApp ที่มีอัลวิน และพอล เมสคัล อยู่ในกลุ่มด้วย ซึ่งมีชื่อว่า The Tortured Man Club 

ในเพลง So Long, London เธอบอกเป็นนัยถึงแผนการแต่งงาน โดยร้องเพลงว่า "คุณสาบานว่าคุณรักฉัน แต่หลักฐานอยู่ที่ไหน ฉันเสียชีวิตบนแท่นบูชาเพื่อรอการพิสูจน์" เธอยังเผยว่าเธอรู้สึกเสียใจที่ต้องจากกรุงลอนดอน ซึ่งเธอเคยอาศัยอยู่กับอัลวิน และเสริมว่าเธอ "รัก" เมืองนี้

...

อีกเพลงหนึ่งคือ But Daddy I Love Him ที่เชื่อว่ากล่าวถึงวาทกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของสวิฟต์กับฮีลีย์ นักร้องนำจากวง The 1975 เมื่อปีที่แล้ว

แฟนๆ บางคนรู้สึกผิดหวังกับความสัมพันธ์นี้ โดยกล่าวว่า ฮีลีย์ซึ่งต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องผู้หญิงและการเหยียดเชื้อชาติในอาชีพการงานของเขา ซึ่งเขาปฏิเสธทั้งหมด เป็นตัวเลือกแฟนที่ไม่เหมาะสม

ในเพลงของเธอ สวิฟต์ตอกกลับโดยประกาศว่า "ฉันยอมเผาทำลายทั้งชีวิตของฉัน แทนที่จะต้องมาฟังคำบ่นของคนพวกนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว แล้วจะบอกอะไรให้นะเกี่ยวกับชื่อของฉัน มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ชื่อเสียงของฉันพังพินาศได้"

แต่การทำให้แฟนเก่าของคุณอับอายในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? บราวน์กล่าวว่า มันเป็น "ปัญหาที่ซับซ้อน"

"สวิฟต์ไม่ได้เอ่ยชื่อใครในเพลงเหล่านี้ และประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเธอก็ถูกถักร้อยด้วยเรื่องเล่ามาโดยตลอด เธอเป็นนักเล่าเรื่องที่ยึดถือธรรมเนียมแบบดนตรีคันทรี ซึ่งมักแต่งเพลงเพื่อตำหนิพฤติกรรมที่ไม่ดีของผู้ชาย"

"ฉันขอเสริมว่า ถึงแม้สวิฟต์จะแต่งเพลงถึงแฟนเก่าของเธอ แต่เธอก็มักแสดงความรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอยู่เสมอ เนื่องจากแฟนเก่าทั้งสองที่เธอดูเหมือนจะพูดถึงในอัลบั้มนี้เป็นนักแต่งเพลงด้วย พวกเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะตอบโต้กลับผ่านงานของพวกเขาเอง และฉันสงสัยว่าพวกเขาทั้งคู่อาจคิดว่าทุกอย่างยุติธรรมดีทั้งในเรื่องความรักและเนื้อเพลง"

...

'ความรักทำให้เทย์เลอร์ทำตัวเหมือนเด็ก'

โนนา อัปพาล หนึ่งในสวิฟตี้ส์ กล่าวว่า แม้อัลบั้ม The Tortured Poets Department ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความสิ้นหวังและความอกหัก แต่ก็ยังกล่าวถึงความสุขที่สวิฟต์รู้สึกในความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนสามารถสัมผัสได้

อัปพาลชี้ไปที่เพลง So High School ซึ่งเธอตีความว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับเคลซี เนื่องจากเป็น "เพลงเกี่ยวกับผีเสื้อและการทำสิ่งต่างๆ ที่เด็กๆ จะทำในระหว่างการชมภาพยนตร์กับเพื่อน"

"ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงการรวบรวมอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ โดยที่ความรักทำให้เทย์เลอร์ทำตัวเหมือนเด็ก และนั่นก็คือความหมายของความรักสำหรับเธอ"

"และฉันก็ชอบระดับของความเปราะบางที่เกิดขึ้น เพราะฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฉันค่อนข้างมาก".

ที่มา BBC

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign