น้ำท่วมดูไบ หลังฝนตกหนักสุดในรอบ 75 ปี ยังส่งผลกระทบต่อสนามบินดูไบ ทำให้มีเที่ยวบินถูกยกเลิกและต้องดีเลย์อีกหลายร้อยเที่ยว ผู้โดยสารติดค้าง ได้รับผลกระทบจำนวนมาก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมในโอมาน เพิ่มเป็น 20 ศพแล้ว

สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่นครดูไบ เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) หลังเกิดฝนตกหนักที่สุดในรอบ 75 ปี เมื่อวันอังคารที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาว่า ยังคงส่งผลกระทบต่อท่าอากาศยานระหว่างประเทศดูไบ หรือ Dubai International Airport ซึ่งรันเวย์ได้ถูกน้ำท่วม ในขณะที่สนามบินดูไบ ถือเป็นฮับ หรือศูนย์กลางด้านการบินใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองรับผู้โดยสารกว่า 80 ล้านคนต่อปี เป็นรองจากสนามบินแอตแลนตา ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ตามรายงานของ FlightAware ระบุว่า ในวันพฤหัสฯ นี้ (18 เมษายน 2567) มีเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกท่าอากาศยานดูไบต้องดีเลย์ หรือล่าช้ากว่ากำหนดถึง 388 เที่ยว ขณะที่มีเที่ยวบิน 30 เที่ยว ต้องถูกยกเลิก โดยในจำนวนเที่ยวบินที่ดีเลย์ในวันนี้ เป็นเที่ยวบินของสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของ UAE ถึง 246 เที่ยว และเป็นของสายการบิน Flydubai 86 เที่ยว ทำให้ทางสายการบินเอมิเรตส์ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ 

ดูไบอ่วม ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ หลังฝนตกหนักสุดในรอบ 75 ปี เมื่อ 16 เมษายน 2567
ดูไบอ่วม ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ หลังฝนตกหนักสุดในรอบ 75 ปี เมื่อ 16 เมษายน 2567

...

เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่นครดูไบ ทำให้เมื่อวันพุธที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา มีเที่ยวบินประมาณ 300 เที่ยว ต้องถูกยกเลิก และเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวบินต้องล่าช้ากว่ากำหนด จึงทำให้ผู้โดยสารติดค้างอยู่ที่สนามบินและได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ในขณะที่หน่วยกู้ภัยของนครดูไบพยายามเร่งสูบน้ำออกจากจุดที่น้ำท่วมขังบนผิวถนน เพื่อให้รถยนต์สามารถแล่นไปถึงอาคารผู้โดยสารของสนามบินได้

ทั้งนี้ สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ UAE แจ้งว่า มีฝนตกหนัก จนวัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 254.8 มิลลิเมตร ที่เขต Khatm al-Shakla ในภูมิภาค al-Ain ในเวลาไม่ถึง  24 ชั่วโมง ในขณะที่ปกติแล้ว มีฝนตกใน UAE ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตทะเลทราย เฉลี่ยแล้ว 140-200 มิลลิเมตรต่อปี

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศโอมาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 20 ศพแล้ว นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : CNNBBC