ชาวบ้านในเมืองออร์สค์ ซึ่งกำลังเผชิญน้ำท่วมหนัก ออกมาประท้วงรัฐบาลท้องถิ่น พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีปูตินมาช่วยเหลือพวกเขา ในขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ชาวรัสเซียราว 100 คน ออกมาชุมนุมประท้วงกลางเมืองออร์สค์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ 8 เม.ย. 2567 เพื่อขอความช่วยเหลือจาก ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน หลังจากพวกเขาต้องเผชิญเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี พร้อมกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นช่วยเหลือพวกเขาน้อยเกินไป

ทางการรัสเซียประกาศภาวะฉุกเฉินในแคว้นโอเรนเบิร์ก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองออร์สค์ ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์แล้ว หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำอูราล แม่น้ำยาวอันดับ 3 ของยุโรป เพิ่มระดับสูงขึ้นหลายเมตรภายในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 เม.ย.) ส่งผลให้เขื่อนแตก ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าสู่เมืองออร์สค์ในคืนวันเดียวกัน

ในวันจันทร์ ชาวเมืองออร์สค์ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกราว 1,800 กม. ออกมาชุมนุมกันที่หน้าสำนักงานปกครองท้องถิ่น บางคนตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่ว่า “น่าอับอาย” ขณะที่บางคนตะโกนว่า “ปูตินช่วยด้วย” เพื่อขอให้ประธานาธิบดีเข้ามาแทรกแซงการช่วยเหลือน้ำท่วมโดยตรง

...

อนึ่ง หลังจากเขื่อนแตก นายปูติน สั่งการให้ นายอเล็กซานเดอร์ คูเรนคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน เดินทางลงพื้นที่ทันที และเข้าร่วมประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้ว่าการแคว้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมถึง โอเรนเบิร์ก, คูร์กัน และทิวเมน หลายครั้ง แต่รัฐบาเครมลินยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนเยือนพื้นที่น้ำท่วมแต่อย่างใด

สาเหตุของการประท้วงซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักครั้งนี้ มาจากความไม่พอใจของประชาชนที่ทรัพย์สินเสียหายอย่างหนักเพราะน้ำท่วม แต่ทางการท้องถิ่นกลับเสนอการชดเชยแก่ผู้ที่ต้องอพยพออกจากบ้านเพราะน้ำท่วมเพียง 10,000 รูเบิล (ราว 4,000 บาท) ต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือนเท่านั้น

ประชาชนยังไม่พอใจที่เขื่อนดินซึ่งสร้างขึ้นในปี 2553 ไม่สามารถปกป้องเมืองของพวกเขาจากน้ำท่วมได้ และชาวบ้านยิ่งโกรธมากขึ้นอีกเมื่อนายคูเรนคอฟอ้างว่า ประชาชนท้องถิ่นเพิกเฉยต่อคำสั่งอพยพที่ประกาศตั้ง 1 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ แต่สื่อรัสเซียหลายสำนักยืนยันว่า ประกาศอพยพเพิ่งเกิดขึ้นในวันที่ 5 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่เขื่อนแตก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนพยายามกล่อมให้ผู้ประท้วงสงบลงและแยกย้ายกันกลับ โดยนายเดนิส ปาสเลอร์ ผู้ว่าการแคว้นโอเรนเบิร์ก โอบลาสต์ เตือนสติผู้ประท้วงว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะกล่าวโทษคนอื่นและกลายเป็นกลุ่มคนที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ แต่ตอนนี้ชาวเมืองอีกมากกำลังพยายามช่วยในปฏิบัติการกู้ภัย และเป็นผู้รักชาติที่แท้จริง

ขณะที่ อัยการแคว้นโอเรนเบิร์ก ขู่ว่าการประท้วงครั้งนี้ไม่ผ่านการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนทางกฎหมายก่อน

ในด้านของสถานการณ์น้ำท่วม เขื่อนดินอีกจุดแตกในวันจันทร์ ซึ่งภาพถ่ายจากโดรนแสดงให้เห็นว่าบางส่วนของเมืองออร์สค์ซึ่งมีประชากร 230,000 คน กลายสภาพเป็นเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ บ้านหลายหลังถูกน้ำท่วมสูงจนถึงหลังคา ทำให้ชาวเมืองกว่า 6,100 ชีวิตต้องอพยไปยังที่ปลอดภัย

ด้านกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน เผยว่า ตอนนี้ทั่วรัสเซียมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้วมากกว่า 10,400 หลัง โดยภูมิภาคภูเขาอูราล, แคว้นไซบีเรีย, ลุ่มแม่น้ำโวลกา และภาคกลางของประเทศ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยที่เมืองออร์สค์เพียงแห่งเดียวก็มีน้ำท่วมถึง 7,000 หลังแล้ว

ทางกระทรวงฯ เตือนด้วยว่า แม่น้ำอูราล บริเวณเมืองโอเรนเบิร์ก เมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน จะมีระดับน้ำสูงขึ้นจนถึงระดับอันตรายในวันจันทร์นี้ โดยคาดว่าน้ำจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด หรือจุดพีก ในวันที่ 10 เม.ย.นี้

พยากรณ์อากาศคาดด้วยว่า นอกจากแม่น้ำอูราลแล้ว แม่น้ำโทโบล (Tobol) กับแม่น้ำอิชิม (Ishim) แม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำอีร์ติช (Irtysh) ในไซบีเรีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำออบ (Ob) ระบบแม่น้ำความยาวลำดับ 7 ของโลก ก็จะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นด้วย

นายเซอร์เก ซัลมิน นายกเทศมนตรีเมืองโอเรนเบิร์ก คาดว่า ระดับน้ำของแม่น้ำอูราลจะสูงขึ้นจนทำลายสถิติสูงสุดที่ 9.46 ม. โดยตอนนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 8.93 ม. พร้อมเตือนให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมให้อพยพอย่างไม่รอช้า เพราะสถานการณ์อาจเลวร้ายลงในช่วง 2 วันข้างหน้า

ขณะที่ นายอเล็กซานเดอร์ มัวร์ ผู้ว่าการแคว้นทิวเมน โอบลาสต์ ทางตะวันตกของไซบีเรีย ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วแคว้น หลังเกิดน้ำท่วมหนัก

นายวาดิม ชุมคอฟ ผู้ว่าการแคว้นคูร์กัน โอบลาสต์ ก็ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วแคว้นเช่นกัน พร้อมเตือนว่าระดับน้ำในแม่น้ำโทโบลจะสูงกว่าสถิติเดิมในปี 2537 มาก และเรียกร้องให้ทุกคนที่อยู่บริเวณที่ราบน้ำท่วมถึงของแม่น้ำโทโบลให้อพยพทันที อย่ารอน้ำมาถึง เพราะมันจะมาในตอนกลางคืนอย่างไม่คาดคิด และมาอย่างรวดเร็วในรูปแบบของคลื่นยักษ์

...

นายชุมคอฟ บอกอีกว่า พื้นที่ตอนกลางของเมืองคูร์กัน เมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน ซึ่งมีประชากรราว 300,000 คน จะถูกน้ำท่วมเช่นเดียวกับอีกหลายเขต

ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักครั้งนี้ เบื้องต้นเชื่อกันว่าเป็นผลจากน้ำแข็งบนภูเขาอูราลละลาย จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นจนล้นทะลัก แต่การละลายของน้ำแข็งบนภูเขาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว จึงยังไม่ชัดเจนว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ปีนี้แตกต่างจากปีก่อนๆ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สืบสวนของรัฐบาลกลางรัสเซีย เริ่มการสืบสวนคดีอาชญากรรม ข้อหาปล่อยปละละเลย และละเมิดกฎความปลอดภัยแล้ว เพื่อเอาผิดผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างเขื่อนที่เมืองออร์สค์ โดยอัยการระบุว่า เขื่อนดินแห่งนี้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : reuters