เมื่อวันที่ 12 มี.ค. สำนักงานข่าวกรองกลางแห่งชาติสหรัฐฯ (CIA) รวมถึงหน่วยงานด้านข่าวกรองอื่นๆในสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานภัยคุกคามต่อสหรัฐฯฉบับประจำปี 2567 ต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยประเมินว่า สหรัฐฯกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ระเบียบโลกกำลังเปราะบางจากการแข่งขันเชิงอิทธิพล ความท้าทายต่างๆในระดับระหว่างประเทศ และสถานการณ์ความ ขัดแย้งระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ ในรายงานภัยคุกคามของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มองว่าจีนกับรัสเซียเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดของสหรัฐฯ จีนมีความทะเยอะทะยานแต่ในขณะเดียวกันก็ร้อนรนที่จะเป็นใหญ่ ขณะที่รัสเซียก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสหรัฐฯอย่างชัดเจน จีนให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงแก่รัสเซียที่กำลังทำสงครามในยูเครน ทั้งยังมีการค้าขายระหว่างกันเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า นับตั้งแต่ปี 2565

หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯยังประเมินอีกว่า มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จีนอาจใช้เทคโนโลยีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯในปีนี้ แม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมากน้อยแค่ไหน แต่จีนก็มีความต้องการกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนและชี้ให้โลกเห็นว่าสังคมสหรัฐฯมีความแตกแยก ทั้งยังระบุถึงประเทศอิหร่านว่าเป็นชาติทรงอิทธิพลในระดับภูมิภาคที่มีความพยายามท้าทายระเบียบโลก และท้าทายความเป็นเบอร์หนึ่งของสหรัฐฯ

นางแอฟริล เฮนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และนายวิลเลียม เบิร์น ผู้อำนวยการซีไอเอ ยังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาถึงความจำเป็นในการผ่านงบประมาณช่วยเหลือยูเครน หากสหรัฐฯไม่ช่วยเหลือก็นึกภาพไม่ออกว่ายูเครนจะครองดินแดนที่ยึดคืนมาจากรัสเซียได้อย่างไร พร้อมมองว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ไม่มีความจริงจังที่จะเจรจายุติความขัดแย้ง นอกจากนี้ การช่วยเหลือยูเครนอย่างเต็มที่ยังถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ด้วยว่าจีนไม่ควรแสดงท่าทีคุกคามต่อไต้หวัน หรือภูมิภาคทะเลจีนใต้

...

สำนักข่าวการ์เดียนของอังกฤษรายงานก่อนหน้านี้ว่า นายวิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี ได้เข้าหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รัฐฟลอริดา และเปิดเผยว่า นายทรัมป์จะไม่ให้เงินแม้แต่แดงเดียวกับยูเครนหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯปลายปีนี้ ซึ่งในเมื่ออเมริกาไม่ให้อาวุธ ยุโรปก็จะไม่ให้อาวุธ สงครามก็จะจบลง.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่