ผมกลับมาจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หรือที่ผู้สื่อข่าวกีฬาบ้านเรามักเรียกว่า “ดินแดนอิเหนา” เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ตามคำเชิญของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า แบงก์บัวหลวง ของประเทศไทยเราไปซื้อกิจการของธนาคาร Permata Bank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางๆ อันดับประมาณที่ 12 ของดินแดนอิเหนา เมื่อปลายปี 2562 โดยเข้าถือหุ้นประมาณ 89 เปอร์เซ็นต์ ใน พ.ศ.ดังกล่าว และเริ่มต้นเข้าบริหารจัดการหลังจากนั้นมาจนถึงบัดนี้
เนื่องจากผมเป็นนักเขียนคนหนึ่งที่เคยตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดแบงก์บัวหลวงจึงต้องไปซื้อแบงก์อิเหนาแบงก์นี้? และคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ก็ได้ตอบคำถามและชี้แจงถึงเหตุผลว่า “ทำไม” ท่านจึงต้องซื้อโดยให้สัมภาษณ์ผมไว้อย่างละเอียดในห้วงเวลาดังกล่าว และผมก็นำมาเขียนต่อรายงานท่านผู้อ่านในคอลัมน์นี้ถึง 2 วันติดๆกัน
บัดนี้การดำเนินงานของ Permata Bank ที่ธนาคารกรุงเทพถือหุ้นใหญ่ได้ผ่านไประยะหนึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ล่าสุดก็ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 8 ของอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อย
คุณชาติศิริจึงติดต่อมาที่ผมและทีมของ วารสารการเงินการธนาคาร ให้ไปดูกิจการของธนาคารแห่งนี้ว่า ณ บัดนี้กิจการของเพอร์มาตา แบงก์ เป็นอย่างไรบ้าง? และตอบเหตุผลว่า “ทำไมต้องซื้อ” ของคุณชาติศิริได้มากน้อยเพียงใด?
ทั้งหมดนี้ก็คือสาเหตุหลักของการเดินทางไปดินแดนอิเหนาของผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นเวลา 5 วัน กับ 4 คืน โดยตะลอนอยู่ใน จาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย 2 วัน จากนั้นก็ไปดูธนาคารระดับสาขาภูมิภาค ที่ ยอกยาการ์ตา อีก 1 วัน และ บาหลี อีก 2 วัน
ไม่เพียงแต่จะได้ความรู้ที่เกี่ยวกับกิจการของ เพอร์มาตา แบงก์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมเท่านั้น ยังได้รับความรู้ด้านภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของอินโดนีเซีย ผ่านนักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์แห่งนี้และได้เห็นด้วยตาตนเองกับความเจริญเติบโตในหลายๆพื้นที่
...
เป็นความเจริญที่ผมอดมิได้ที่จะต้องอุทานออกมาด้วยความทึ่งและถึงขั้นต้องใช้สำนวนคำว่า “อินโดนีเซีย...วันนี้...วันนั้นต่างกันลิบลับ” อย่างที่ผมพาดหัวคอลัมน์ไว้
ว่ากันว่าความเจริญเติบโตทั้งหมดนี้มาจากความสามารถและการบริหารประเทศอย่างทุ่มเทของท่านประธานาธิบดี โจโก วิโดโด หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “โจโกวี่” นั่นเอง
แต่คำถามที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ ประธานาธิบดี โจโกวี่ จะครบเทอม 2 สมัย 10 ปี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว...และจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีท่านใหม่ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือ “วันวาเลนไทน์” ที่จะถึง
อินโดนีเซียจะต้องมี “คนใหม่” มาเป็น “ผู้นำ” อย่างแน่นอนตามรัฐธรรมนูญที่ขีดเส้นไว้เช่นนั้น...จึงเกิดคำถามขึ้นว่าท่านผู้นำจะเป็นใคร? จะเก่งหรือมีความสามารถแบบ โจโก วิโดโด หรือไม่? และจะสานต่อนโยบายของท่านมากน้อยเพียงไร?
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผมไปอินโดนีเซียครั้งนี้อยู่ในโค้งเกือบสุดท้ายของการเลือกตั้งพอดิบพอดี จึงได้เห็นบรรยากาศได้เห็นธงทิวและป้ายหาเสียงในทุกแห่งหนของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภูมิภาคที่ผมมีโอกาสแวะผ่านไปตามหมู่บ้านต่างๆด้วย
นอกนั้นก็เป็นของแถมจากการมีโอกาสไปสักการะวัดในพุทธศาสนานิกายมหายานที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันได้แก่ “โบโรบูดูร์” ออกเสียงในแบบอินโดนีเซียหรือ “บุโรพุทโธ” หรือ “บรมพุทโธ” ตามการออกเสียงของคนไทยทั่วๆไปที่มีพระพุทธรูปถึง 504 องค์มาด้วย
รวมทั้งยังมีโอกาสแวะไปไหว้พระ วิษณุ ทรง “การูดา” หรือ “ทรงครุฑ” ที่สวนวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ GWK ของบาหลีที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปีมานี่เอง...ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ก็คงจะทยอยเขียนสู่กันอ่านทั้งในคอลัมน์ “เหะหะพาที” และ “ซูมซอกแซก” ติดต่อกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบมินิซีรีส์ชุดนี้อีกเช่นเคย (หรือจนกว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่ๆทางการเมืองเกิดขึ้นแฮ่ม)
เริ่มด้วยอะไรดีเอ่ย? เอาเรื่องเศรษฐกิจอินโดนีเซียก็แล้วกันนะครับ ตั้งแต่ฉบับพรุ่งนี้เป็นต้นไป ท่านที่สนใจโปรดอย่าลืมติดตาม.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม