ศุลกากรหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซี รายงานการนำเข้า-ส่งออกของกว่างซีช่วงมกราคม-พฤศจิกายน 2023 รวม 2.22 แสนล้านหยวน (1.08 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 เมื่อเทียบปีต่อปี คู่ค้ารายใหญ่ของกว่างซีคือเวียดนาม รัฐบาลกว่างซีและเวียดนามส่งเสริมร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรที่เวียดนามส่งเข้าจีนเพิ่มขึ้นทุกรายการ ขอเขียนรับใช้เพียงรายการเดียวคือทุเรียนสดที่ปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 811.6 อยู่ที่ 4.16 พันล้านหยวน เวียดนามก็นำเข้าผัก และผลไม้จากกว่างซีมากถึง 8.58 พันล้านหยวน
สหรัฐฯพยายามดึงเวียดนามเป็นพวกเพื่อต่อต้านจีน ถ้าสหรัฐฯได้เวียดนามเป็นพวก จีนก็จะเผชิญความยุ่งยากเพราะเวียดนามมีพรมแดนประชิดติดกับจีน แนวทางที่สหรัฐฯจะใช้สร้างสงครามความขัดแย้งก็จะเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับรัสเซียกับอูเครน
จีนพยายามประคับประคองความสัมพันธ์จีน-เวียดนาม จนปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ชาติอาเซียน 10 ประเทศ เวียดนามเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของจีน การค้าของ 2 ประเทศ ค.ศ.2021 มีมูลค่า 165.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ ค.ศ.2022 เพิ่มเป็น 175 ล้านดอลลาร์
12-13 ธันวาคม 2023 สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนไปเยือนเวียดนาม ลงนามความร่วมมือมากถึง 36 ฉบับ ครอบคลุมเกือบทุกด้านในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯให้ทุนนักวิชาการประเทศต่างๆ ทำวิจัยและศึกษาความสัมพันธ์เวียดนาม-จีนในรูปแบบความสัมพันธ์ที่ผิดปกติเพื่อเพิ่มความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
โซเวียต (ต่อมาเป็นรัสเซีย) พยายามดึงสติจีนและเวียดนาม 2 ชาติไม่ให้ทะเลาะกัน นักศึกษาเวียดนามได้ทุนไปเรียนที่โซเวียต (และรัสเซีย) วิทยานิพนธ์จำนวนไม่น้อยที่ทำก็จะเป็นเรื่องตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างเวียดนามและจีน โซเวียตรู้ว่าคนเวียดนามเทิดทูนบูชาโฮจิมินห์ก็มีการศึกษาข้อมูลในอดีต เช่น ศึกษาทัศนะของโฮจิมินห์ในงานเขียนสั้นที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เญินเซิน หลังจากที่โฮจิมินห์ไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 1955
...
การพบกันครั้งนั้น เหมาเจ๋อตงพูดถึงยุคสมัยประวัติศาสตร์ที่ราชวงศ์ต่างๆของจีนรุกรานเวียดนาม โฮจิมินห์เข้าใจดีว่า เหมาเจ๋อตง ต้องการพูดสื่อลักษณะขอโทษ จึงตอบกลับเหมาด้วยถ้อยประโยคสั้นๆว่า “ประชาชนสองประเทศ เวียดและจีน ตั้งแต่อดีตล้วนเป็นเพื่อนที่เคยถูกกดขี่ ปัจจุบันก็ยังเป็นเพื่อนของการปฏิวัติ”
โฮจิมินห์เป็นคนฉลาด รู้ว่าเวียดนามมีพรมแดนประชิดติดกับจีน อย่างไรก็ย้ายประเทศหนีไปไม่ได้ จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ท่านจึงไปเฟ้นหาภาษาที่สวยงามเพื่อที่จะใช้อธิบายความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างเวียดนามกับจีน ค.ศ.1959 โฮจิมินห์เขียนข้อความลงหนังสือพิมพ์เญินเซิน แสดงความยินดีวาระครบรอบ 10 ปีในวันชาติของจีนว่า
“วันนี้เป็นวันที่ 1 ตุลาคม ประชาชนของประเทศสังคมนิยมและประชาชนที่รักความสงบทั่วโลก ต่างแสดงความยินดีในวันชาติครั้งที่ 10 ของประเทศสังคมนิยมจีน ประชาชนเวียดนามแสดงความยินดีทำไม (แสดงความยินดี) เพราะทั้งภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์เวียดนามและจีนเหมือนขากับแขน เหมือนสากกับครก เหมือนต้นกับกิ่ง อักษรกตัญญูยิ่งหนักแน่น อักษรจริงใจนับวันลึกซึ้ง”
1 กรกฎาคม 1961 โฮจิมินห์เขียนข้อความลงในหนังสือพิมพ์เญินเซิน แสดงความยินดีในการสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า “เวียดนามและจีนเป็นสองประเทศเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดซึ่งกันและกัน ไม่รู้นานกี่ศตวรรษ ความสัมพันธ์การปฏิวัติจีนและการปฏิวัติเวียดนามที่แท้จริงแล้วคือ ร้อยขอบคุณ พันความหมาย หมื่นความจริงใจ จิตวิญญาณมิตรภาพรุ่งเรืองตลอดไป”
สมัยที่โฮจิมินห์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านรับผู้นำจีนที่มาเยือนเวียดนามด้วยความอบอุ่น ทัศนะของผู้นำเวียดนามมีต่อจีนยึดความเป็นสหายและพี่น้อง เดือนพฤษภาคม 1963 ประธานโฮจิมินห์กล่าวต้อนรับผู้นำจีนด้วยประโยค “สัมพันธ์ระหว่างเวียด-จีนอบอุ่น เป็นทั้งสหาย เป็นทั้งพี่น้อง”
ความพยายามของสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศล้มเหลว เพราะวรรณกรรมที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม-จีน ลึกซึ้งตรึงใจ เข้าถึงจิตวิญญาณมากกว่าภาษาของพวกตะวันตก.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com