เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นิตยสารไทม์ของสหรัฐฯ รายงานเรื่องราวเกี่ยวกับยูเครนผ่านคำสัมภาษณ์ของนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน และบรรดาที่ปรึกษาของรัฐบาลยูเครน โดยผู้นำยูเครน ได้ระบุถึงความเหนื่อยล้าของการเป็นผู้นำในภาวะสงคราม แต่ที่เหนื่อยยิ่งกว่าคือการใช้พลังงานเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนเชื่อว่ายูเครนสามารถคว้าชัยชนะมาได้ พร้อมยังย้ำชัดเจนว่า ไม่มีใครสักคนที่เชื่อเหมือนกับผมว่าเราจะชนะได้ ไม่มีใครเลยทั้งนี้ บทความของนิตยสารไทม์ยังระบุว่า นายเซเลนสกีมีความรู้สึกว่าถูกชาติตะวันตกหักหลัง ถูกถอดทิ้งไม่ให้เหลือหนทางที่จะชนะสงคราม เหลือเพียงแค่ช่องทางสำหรับเอาตัวรอด โดยทีมงานของนายเซเลนสกีอธิบายว่า สิ่งที่น่ากลัวตอนนี้คือชาติตะวันตกเริ่มชินชากับสงครามยูเครน ความอ่อนล้าจากสงครามกำลังถาโถมเข้ามาเป็นระลอกเหมือนคลื่นพัดเข้าฝั่ง ไม่ว่าจะทั้งในสหรัฐฯหรือในยุโรป ที่เริ่มมองเหตุการณ์นี้เหมือนละครที่ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือตอนที่นายเซเลนสกีเดินทางเยือนสหรัฐฯเมื่อเดือน ธ.ค.2565 ได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ แต่การเยือนเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง นายเซเลนสกีถูกสอบถามอย่างหนักถึงเรื่องปัญหาคอร์รัปชันในยูเครน ทั้งถูกห้ามไม่ให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าสมาชิกสภาคองเกรส นอกจากนี้ นายเซเลนสกียังกล่าวกับนิตยสารไทม์ว่า มีความเชื่อมั่นที่จะเอาชนะรัสเซียในสมรภูมิ แต่เหล่าที่ปรึกษากลับมองคนละอย่างกัน โดยระบุว่านายเซเลนสกีกำลังหลอกตัวเอง เรากำลังหมดหนทาง เราไม่ได้ชนะแต่อย่างใด แต่ใครจะกล้าไปพูดกับผู้นำ ความดื้อดึงของนายเซเลนสกีก็กำลังทำร้ายความพยายามของทีมงานที่จะคิดแผนการใหม่ หาวิธีส่งข้อความใหม่ๆให้ชาวโลกรับรู้ และสิ่งที่แตะไม่ได้เลยคือเรื่องการเจรจากับรัสเซียบทความของนิตยสารไทม์รายงานอีกว่า นายเซเลนสกีเริ่มรับรู้ว่าอาวุธจากชาติตะวันตกกำลังร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จึงมีคำสั่งให้เร่งการผลิตโดรนและจรวดเพื่อแก้ปัญหาไปก่อน พร้อมมองว่าไฟสงครามจะลามจากยูเครนไปยังอิสราเอล ก่อนข้ามไปยังภูมิภาคเอเชียและที่อื่นๆต่อไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ชาติตะวันตกจะต้องช่วยหยุดสงครามไว้ในยูเครนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป อนึ่ง เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเซเลนสกีได้ให้การต้อนรับสมาชิก สภาคองเกรสสหรัฐฯ 3 คน จากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ที่กรุงเคียฟ และได้รับคำชี้แจงว่าสหรัฐฯยังคงสนับสนุนยูเครน แต่ตอนนี้มีประเด็นอิสราเอลเข้ามา สหรัฐฯจึงอยากช่วยให้ยูเครนอยู่ได้ด้วยตัวเอง.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
