เมื่อ 29 ก.ย. ศูนย์ความร่วมมือระดับโลกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแข้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งยังเคยมีข้อถกเถียงในเรื่องการควบคุมสื่อของจีนเมื่อปีที่ผ่านมา โดยอ้างว่า รัฐบาลจีนกำลังจัดระเบียบข้อมูลข่าวสารโลกใหม่ มีการทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อควบคุมข้อมูลข่าวสาร เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อและข้อมูลเท็จ รวมถึงการปิดกั้นข้อมูล ผ่านการซื้อหุ้นสื่อต่างประเทศทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ มีการร่วมมือกับนักการเมืองและนักข่าว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างระบบนิเวศทางข้อมูลข่าวสารใหม่ ทั้งทำสัญญาและสนับสนุนอินฟลูเอนเซอร์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อโปรโมตเนื้อหาแอบแฝงการโฆษณารัฐบาลจีน
นอกจากนี้ ศูนย์ความร่วมมือระดับโลกของสหรัฐฯ ยังระบุว่า ทางการจีนลงทุนในเครือข่ายดาวเทียม และรายการโทรทัศน์ในประเทศกำลังพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน ชี้ว่าการพยายามครอบครองสื่อจากนานาชาติไว้ในกำมือ ทำให้จีนสามารถปรับแต่งการเซ็นเซอร์ในโลกได้ โดยมุ่งไปที่ปัจเจกบุคคลและองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะ พร้อมระบุว่า หากผู้คนไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดี เสรีภาพในการแสดงออกในโลกใบนี้จะถูกทำลาย เพราะการควบคุมข้อมูลข่าวสารจากจีน
เมื่อปี 2564 เคยมีกรณีการยกเลิกใบอนุญาตการออกอากาศของช่องซีจีทีเอ็น หรือที่รู้จักในชื่อ ซีซีทีวี ซึ่งเป็นช่องสำนักข่าว 2 ภาษาของจีนในอังกฤษ หลังนายปีเตอร์ ฮัมฟรีย์ อดีตนักข่าวชาวอังกฤษ ร้องเรียนถึงแนวทางการทำงานของซีจีทีเอ็น และถูกคุกคามความเป็นส่วนตัว จนเกิดการตรวจสอบโดยสำนักงานการสื่อสาร หรือออฟคอม ของอังกฤษ และพบว่า นอกจากสำนักข่าวขาดการคัดกรองทางด้านเนื้อหา ยังถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน
...
อย่างไรก็ตาม นายหลิว เผิง หยู โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯ ตอบโต้ต่อกรณีนี้ว่า รายงานดังกล่าวเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ มีการโจมตีนโยบายทั้งภายในและต่างประเทศจีน ทั้งเสริมสร้างความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ชี้ว่ารายงานฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นจากแนวความคิดที่ติดอยู่ในวังวนสงครามเย็น ซึ่งแบ่งแยกอุดมการณ์ทางการเมือง และเป็นเพียงเครื่องมือในการสกัดกั้นจีน เพื่อหล่อเลี้ยงความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ.