ค.ศ.2007 ผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยมาพบพ่อผมที่บ้านลาดกระบัง เพื่อขอให้ช่วยเจรจาปัญหาบางประการ สมัยนั้นหัวเว่ยยังไม่ดังมาก แต่ดูความอดทนมุ่งมั่นในการทำงานของผู้บริหารแล้วก็เกิดความประทับใจ ก่อนไปเรียนปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์ที่เนเธอร์แลนด์ พ่อส่งผมไปเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่งเกือบ 2 ปี ช่วงนั้น พ่อและผมได้รับคำเชิญให้ไปเยือนสำนักงานใหญ่หัวเว่ยที่เซินเจิ้น ไปชมห้องปฏิบัติการการวิจัยและพัฒนา ซึ่งมองจากด้านนอกเข้าไปเห็นด้านในทั้งหมด เห็นผู้คนหลากหลายเชื้อชาตินั่งทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ฝรั่งผมทองก็มีจำนวนไม่น้อย
เจ้าหน้าที่หัวเว่ยพาเราไปชมคอนโดมิเนียมที่พักพนักงาน ซึ่งเป็นอาณาจักรใหญ่โตมโหฬาร ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หัวเว่ย ทุ่มสวัสดิการให้ทรัพยากรมนุษย์อย่างเต็มที่
หลังจากนั้น 10 ปี ค.ศ.2017 เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันพานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯถึงท่าอากาศยานกรุงปักกิ่ง ทันทีที่ทรัมป์เอ่ยคำปราศรัย เสียงที่ไปเป็นคำพูดของทรัมป์ กลายเป็นภาษาจีนด้วยสำเนียงของทรัมป์เอง เมื่อสิ้นการปราศรัย ทรัมป์ รู้ทันทีว่าเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและปัญญาประดิษฐ์ของจีนล้ำหน้ากว่าของสหรัฐฯไปหลายขุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทอุปกรณ์โทรคมนาคมใหญ่สุดของจีนที่มีชื่อว่าหัวเว่ยมีโอกาสที่จะกลายเป็นบริษัทที่เทคโนโลยีโทรคมนาคมล้ำหน้าที่สุดในโลก เมื่อทรัมป์กลับไปถึงสหรัฐฯ ก็เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอย่างรุนแรงกว่าเก่า สหรัฐฯมุ่งมั่นว่าจะต้องหยุดจีนให้ได้
ค.ศ.2017 เมื่อฉายแสงแสดงความเป็นเจ้าเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมของโลก หัวเว่ยก็โดนสหรัฐฯและพันธมิตรแบน สหรัฐฯแกล้งหัวเว่ยทุกมิติ จนอีก 2 ปีถัดมา กูเกิลก็ยุติการสนับสนุนหัวเว่ย ทำให้หัวเว่ยไม่สามารถอัปเดตแอนดรอยด์เวอร์ชันต่อไปได้ และไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันของกูเกิล ทั้งยูทูบ กูเกิลแม็ป และจีเมล
...
ความที่เป็นของดีราคาถูก ทำให้หัวเว่ยได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ไปวางโครงสร้างพื้นฐาน 5G มากถึง 40 สัญญาทั่วโลก (2019) สหรัฐฯและตะวันตกพยายามประโคมข่าวให้ทั่วโลกแบนหัวเว่ย โดยอ้างเรื่องความปลอดภัย สหรัฐฯสร้างความกลัวให้ทั่วโลกตระหนักว่า ถ้าใช้อุปกรณ์หัวเว่ย ข้อมูลที่ผ่านระบบการสื่อสารสำคัญของประเทศจะรั่วไหลไปอยู่ในมือรัฐบาลจีน
ประเทศลูกสมุนของสหรัฐฯซึ่งมีความแขยงแขงขนและเกลียดกลัวจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็กระโดดงับข้อความที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศ และถือเอาเป็นความชอบธรรมในการนำมาแบนอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ย ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่แบน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง เนเธอร์แลนด์ประกาศไม่อนุญาตให้หัวเว่ยเข้ามาวางโครงสร้างพื้นฐานหลัก 5G ในประเทศของตัวเอง ญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึง นอกจากจะเป็นลูกน้องของสหรัฐฯแล้ว ยังมีประเด็นที่ไม่ชอบจีนอยู่หลายเรื่อง รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในเทคโนโลยี 5G
ทรัมป์ลงนามใน Executive Order หรือคำสั่งฝ่ายบริหาร ไม่ให้บริษัทโทรคมนาคมของสหรัฐฯติดตั้งอุปกรณ์ที่ผลิตโดยต่างชาติ (จีน) วันเดียวกันนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯก็ประกาศรายชื่อของบริษัทที่อยู่ใน Entity List หมายถึงบริษัทที่อยู่ในบัญชีนี้จะซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในสหรัฐฯไม่ได้ ถ้าหากอยากจะซื้อ ก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตผ่านรัฐบาลสหรัฐฯซะก่อน
เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯห้ามบริษัทอเมริกันขายของให้บริษัทจีน คำสั่งกระทรวงพาณิชย์ทำให้กูเกิล ไมโครซอฟท์ อินเทล ยุติความสัมพันธ์กับหัวเว่ย อินเทลซึ่งเป็นผู้ผลิตโปรเซสเซอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯยุติการส่งชิปสำหรับการผลิตโน้ตบุ๊กที่ชื่อเมทบุ๊กให้หัวเว่ย ไมโครซอฟท์ก็หยุดระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนเมทบุ๊กเช่นเดียวกัน
4 ปีที่แล้ว นักวิเคราะห์ทั้งหลายทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก ต่างก็ทำนายทายอนาคตว่าอ้า หัวเว่ยจบแล้ว หัวเว่ยแย่แล้ว จีนแพ้แล้ว
ทว่า ผู้อ่านท่านครับ ค.ศ.2023 เวลาผ่านไป 4 ปี หัวเว่ยผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ผงาดยังไง พรุ่งนี้มารับใช้กันต่อครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม